“ก้องเกียรติ” หนุนธปท.ลดดอกเบี้ยเพิ่มพยุงศก.

26 ก.พ. 2563 | 08:44 น.

ดร.ก้องเกียรติ ห่วงเศรษฐกิจไทยถดถอย จับตาเศรษฐกิจจีนหากโตระดับ 3-3.5% หนุนธปท.หั่นดอกเบี้ยเพิ่ม - กดดันบาทอ่อน ประคองเศรษฐกิจอีกทาง

 

ดร.ก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทเอเซีย พลัส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน)  กล่าวถึงแนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 2563 ว่าขณะนี้ชัดเจนว่าเศรษฐกิจไทยไม่ได้เติบโตอย่างที่คาด จากผลกระทบของเชื้อไวรัสโคโรนา (โควิด-19 )  คาดจะส่งผลถึงครึ่งแรกของปีนี้  โดยเฉพาะไตรมาสแรกจะเป็นจุดต่ำสุด   ล่าสุดกองทุนการเงินระหว่างประเทศหรือ ไอเอ็มเอฟ ได้ประมาณการเศรษฐกิจโลกปีนี้เหลือ 3.3 % จากเดิมที่ 3.4 %  (แต่คาดว่าการระบาดของไวรัสอาจทำให้การเติบโตของเศรษฐกิจโลกลดลง 0.1% จากที่คาด )

 

“ขณะนี้มีสำนักวิจัยต่างประเทศคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาปีนี้จะโตระดับ 2 % จีนอาจจะโตเพียง 3.5-4%  จากปีที่แล้วที่ขยายตัวระดับ6%    หาก 2 ประเทศเศรษฐกิจหลักของโลกชะลอ ย่อมกระทบไปทั่วโลก เศรษฐกิจไทยกระทบแน่ เพราะมีหลายเซ็กเตอร์เกี่ยวข้องทั้งธุรกิจโรงแรม ท่องเที่ยวและการบิน  โรงพยาบาล ค้าปลีก ฯลฯ แต่เชื่อว่าจะดีขึ้นในครึ่งปีหลัง  ขึ้นกับการปรับตัวของแต่ละเซ็กเตอร์   อย่างไรก็ดีหากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ลดดอกเบี้ยนโยบายลงได้อีก จะช่วยเพิ่มสภาพคล่องในระบบ  กระตุ้นเศรษฐกิจได้อีกทาง ซึ่งแต่ละประเทศต่างก็ปรับลดดอกเบี้ยลงกันทั้งนั้น ของไทยยังถือว่าปรับลงช้าไป

 

คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง. ) ได้ปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% เหลือ 1.00%  มีผลเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ถือเป็นระดับต่ำสุดในประวัติศาสตร์  

 

“ธปท.ช่วยได้โดยการลดดอกเบี้ยลงอีก และควรให้เงินบาทอ่อนกว่านี้ เพื่อช่วยให้ธุรกิจสามารถแข่งขันและส่งออกได้ การที่เงินบาทมาอยู่ระดับ 31.40-31.80บาท/ดอลลาร์สหรัฐ  ไม่ได้เป็นผลจากธปท.ลดดอกเบี้ยเพราะลดช้าไป  แต่เป็นเพราะการใช้จ่ายและการท่องเที่ยวที่มาจากรายได้ต่างประเทศชะลอลง “

 

ส่วนผลกระทบต่อตลาดหุ้น ดร.ก้องเกียรติ กล่าวว่ายังคาดการณ์ได้ยาก  แต่จากการที่เศรษฐกิจไทยชะลอ และผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน ( บจ.) EPS  (กำไรต่อหุ้น ) ที่ได้รับกระทบตาม ส่งผลต่อดัชนีหุ้นไทยในปีนี้ไม่สดใสต่อเนื่องอีกปี  ( 2561-2563 )

 

“ ตลาดหุ้นไทยไม่มีบริษัทขนาดใหญ่ด้านไอเทคเข้ามาลงทุนในตลาดเหมือนต่างประเทศ ส่วนใหญ่เป็นบริษัทก่อสร้าง หรือติดตั้งชิ้นส่วนเทคโนโลยี ขณะที่ตลาดอเมริกาและตลาดยุโรปจะมีบริษัทขนาดใหญ่ด้านเทคโนโลยีในตลาดหุ้นค่อนข้างมาก และเศรษฐกิจที่ชะลอ ยังส่งผลต่อผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน EPS ในปีนี้ ทำให้ตลาดหุ้นไทยช่วง 2-3 ปียังไม่สดใส”