THRE ลดทุนล้างขาดทุนสะสม ชงผู้ถือหุ้น 28 เม.ย. นี้

26 กุมภาพันธ์ 2563

 

บอร์ด THRE ไฟเขียวแผนลดพาร์จาก 1 บาท เป็น 0.88 บาท ล้างขาดทุนสะสมทั้งหมด 544,358,340.58 บาท ชงผู้ถือหุ้นอนุมัติ 28 เมษายน 63 มั่นใจจ่ายเงินปันผลได้ปีนี้ หลังแนวโน้มภาพรวมผลการดำเนินงานสดใส ปี 62 พลิกมีกำไร 125 ล้านบาท

นายโอฬาร วงศ์สุรพิเชษฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยรับประกันภัยต่อ จำกัด (มหาชน) หรือ THRE เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท (บอร์ด) เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2563  มีมติลดทุนจดทะเบียนจำนวน 505,799,260 บาท จาก 4,214,993,832.00 บาท เป็น 3,708,194,572.16 บาท ด้วยการลดมูลค่าพาร์จาก 1.00 บาท เป็น 0.88 บาท และลดเงินสำรองตามกฎหมายจำนวน 38,559,080.74 บาท เพื่อล้างขาดทุนสะสมทั้งหมดจำนวน 544,358,340.58 ล้านบาท ซึ่งการลดทุนในครั้งนี้ จะไม่ส่งผลกระทบต่อมูลค่าส่วนของผู้ถือหุ้นแต่อย่างใด เนื่องจากเป็นเพียงการหักลบตัวเลขทางบัญชีเท่านั้น ทำให้บริษัทฯ คาดว่าจะสามารถจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นได้ในงวดปี 2563 หลังภาพรวมผลการดำเนินงานมีแนวโน้มที่สดใส

THRE ลดทุนล้างขาดทุนสะสม  ชงผู้ถือหุ้น 28 เม.ย. นี้

โอฬาร วงศ์สุรพิเชษฐ์

โดยผลประกอบการปี 2562 บริษัทฯพลิกมีกำไรสุทธิ 125 ล้านบาท เทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ขาดทุนถึง 1,012 ล้านบาท สาเหตุสำคัญมาจากแรงหนุนเบี้ยประกันภัยต่อรับสุทธิเพิ่มขึ้น 15 ล้านบาท มาอยู่ที่ 3,498 ล้านบาท ตามการเติบโตของธุรกิจ Non-Conventional หรืองานบริการร่วมพัฒนาผลิตภัณฑ์กับพันธมิตรที่เติบโตขึ้น 24% ขณะเดียวกันบริษัทฯยังตัดสินใจไม่ต่ออายุสัญญาที่มีผลขาดทุน และเบี้ยประกันภัยต่อรับของโครงการระยะยาวได้ทยอยลดลงต่อเนื่อง ซึ่งจะทยอยหมดไปในปี 2565 ในปี 2563 จะมีค่าใช้จ่ายลดลงจำนวน 121 ล้านบาท

 

นอกจากนี้บริษัทฯยังมีรายได้จากการลงทุนสุทธิ 301 ล้านบาท พลิกจากขาดทุนสุทธิ 297 ล้านบาทในช่วงเดียวกันปีก่อน เนื่องจากปีนี้ไม่มีผลกระทบจากการปรับลดลงของมูลค่ายุติธรรม (mark-to-market) เหมือนเช่นที่เกิดขึ้นในปีที่ผ่านมา อีกทั้งบริษัทฯยังมีรายได้จากการให้บริการสุทธิ 80 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23% เทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อน จากรายได้ที่เติบโต 11% จากการออกโปรเจคใหม่ และการลดลงของค่าใช้จ่ายหลังจากได้มีการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาปรับใช้

 

นายโอฬาร กล่าวเพิ่มเติมว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานปี 2563 มีแนวโน้มเติบโตดีต่อเนื่อง ตั้งเป้าผลักดันอัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (ROE) ขยับแตะระดับ 6% โดยเบี้ยประกันภัยต่อรับสุทธิเติบโตขึ้น 10% แตะระดับ 3.8 พันล้านบาท ภายใต้การเดินหน้าตามแผนงานที่วางไว้ หลังได้รับเครดิต Rating ‘A-‘ stable จาก Fitch Rating เป็นการยืนยันความแข็งแกร่งของสถานะการเงินของบริษัท และทำให้ลูกค้าและคู่ค้ามีความมั่นใจในตัวบริษัทมากยิ่งขึ้น รวมทั้งทำให้การขยายงานต่างประเทศมีโอกาสมากยิ่งขึ้น