อากาศเป็นใจ ดันกำไร BCPG โต2.2%

19 ก.พ. 2563 | 10:05 น.

BCPG ประกาศกำไรจากการดำเนินงานปกติปี 2562 ที่ 1,726 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 2.2% หลังสภาวะอากาศที่ปลอดโปร่งในประเทศไทย และการรับรู้ผลประกอบการของ 3 โครงการใหม่ พร้อมประกาศจ่ายเงินปันผลสำหรับผลประกอบการไตรมาส 4 ปี 2562 หุ้นละ 0.16 บาท จ่ายเงินปันผลทั้งปีหุ้นละ 0.64 บาท รวมจ่ายเงินปันผลประมาณ 1,279 ล้านบาท

นายบัณฑิต สะเพียรชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) (BCPG) เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจในปี 2562 บริษัทฯ ยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีรายได้รวมทั้งปีอยู่ที่ 3,427 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2561 ที่ 3.2% โดยในประเทศไทย บริษัทฯ มีรายได้จากการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์อยู่ที่ 2,994 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2561 อยู่ที่ 4.8% ส่วนกำไรสุทธิจากการดำเนินงานปกติที่ไม่รวมกำไร/(ขาดทุน) จากอัตราแลกเปลี่ยนและรายการพิเศษ จำนวน 430.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 4 ปี 2561 ที่ 25.3 ล้านบาท หรือ 6.2% และไตรมาส 3 ปี 2562 ที่ 20.7 ล้านบาท หรือ 5.1% มาจากสภาวะอากาศที่ปลอดโปร่งในประเทศไทย และการรับรู้ผลประกอบการของโครงการใหม่ๆ

อากาศเป็นใจ ดันกำไร BCPG โต2.2%

นอกจากนี้ ยังรับรู้รายได้เต็มปีของโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก ในพระบรมราชูปถัมภ์ จำนวน 2 โครงการ ในอำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี กำลังการผลิตตามสัญญา 3.9 เมกะวัตต์ และอำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี กำลังการผลิตตามสัญญา 5 เมกะวัตต์ รวมทั้งการรับรู้รายได้จากโครงการที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ใหม่ โครงการโซลาร์ลอยน้ำเอกชนบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา กำลังการผลิตตามสัญญา 2.1 เมกะวัตต์ ซึ่งได้เริ่มจำหน่ายไฟฟ้าให้กับ บริษัท บางจากไบโอฟูเอล จำกัด ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ขณะเดียวกัน ยังมีรายได้จากการดำเนินงานของโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม “ลมลิกอร์” จังหวัดนครศรีธรรมราช กำลังการผลิตตามสัญญา 9 เมกะวัตต์ อยู่ที่ 63 ล้านบาท ซึ่งเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์เมื่อเดือนเมษายน ที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม ในปี 2562 บริษัทฯ ยังได้เดินหน้าขยายธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด เข้าซื้อโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ Nam San 3A ในเมืองเชียงขวาง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ขนาดกำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัญญา 69 เมกะวัตต์ และมีรายได้จากการดำเนินงานของโครงการอยู่ที่ 148 ล้านบาท นับตั้งแต่การเข้าซื้อเมื่อเดือนกันยายน ที่ผ่านมา

  อากาศเป็นใจ ดันกำไร BCPG โต2.2%

ด้านการลงทุนในประเทศฟิลิปปินส์ บริษัทฯ มีการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากการดำเนินงานโรงไฟฟ้าพลังงานลม (ก่อนการหัก amortization) อยู่ที่ 59 ล้านบาท ลดลงจากปี 2561 ที่ 19.1 มีสาเหตุหลักมาจากกำลังลมโดยเฉลี่ยที่ลดลง ประกอบกับการปิดซ่อมบำรุงสายส่งที่ได้รับความเสียหายจากพายุไต้ฝุ่น ส่งผลให้ค่าเฉลี่ยชั่วโมงในการผลิตไฟฟ้าต่อวัน (Capacity Factor) ลดลงจาก 37.1% เป็น 35.5% ในปี 2562 และทำให้ปริมาณการผลิตไฟฟ้าทั้งปี 2562 ลดลงที่  4.3% เป็น 45 ล้านหน่วย

ขณะที่ ประเทศอินโดนีเซีย ในปี 2562 บริษัทฯ มีส่วนแบ่งกำไรจากการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าความร้อนใต้พิภพ (ก่อนการหัก amortization) ลดลงจากปีก่อนหน้าเล็กน้อยเป็น 5% หรืออยู่ที่ 723ล้านบาท สอดคล้องกับค่าเฉลี่ยชั่วโมงในการผลิตไฟฟ้าต่อวัน (Capacity Factor) ที่ลดลงจาก 93.9% เป็น 92.4% เนื่องด้วยการปิดซ่อมบำรุงโครงการตามแผนงาน

สำหรับในปี 2563 นี้ บริษัทฯ ยังเดินหน้าขยายธุรกิจพลังงานหมุนเวียนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศ CLMV ล่าสุด บริษัทฯ ได้เข้าลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ แห่งที่ 2 ขนาดกำลังการผลิตตามสัญญา 45 เมกะวัตต์ ในเมืองเชียงขวาง สาธารณรัฐประชาธิปไตย ประชาชนลาว พร้อมทั้งร่วมลงทุนกับพันธมิตรก่อสร้างและดำเนินกิจการระบบสายส่งกระแสไฟฟ้าไปยังเวียดนาม รองรับการขายไฟให้การไฟฟ้าเวียดนามขนาด 500 เมกะวัตต์ ในอนาคต

ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2563 ได้มีมติเห็นชอบให้นำเสนอต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2563 เพื่อพิจารณาอนุมัติการจ่ายเงินปันผลจากกำไรสุทธิ สำหรับผลการดำเนินงานงวดวันที่ 1 ตุลาคม - 31 ธันวาคม 2562 หรือไตรมาส 4 ปี 2562 ให้แก่ผู้ถือหุ้น ในอัตราหุ้นละ 0.16 บาท และเมื่อรวมกับเงินปันผลระหว่างกาลงวดวันที่ 1 มกราคม – 30 กันยายน 2562 ที่ได้จ่ายไปแล้ว ในอัตราหุ้นละ 0.48 บาท จะเป็นเงินปันผลที่จ่ายในปี 2562 รวมอัตราหุ้นละ 0.64 บาท คิดเป็นเงินรวมประมาณ 1,279 ล้านบาท โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 4 มีนาคม 2563 และ กำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 23 เมษายน 2563  ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ฯ จะขึ้นเครื่องหมาย XD (Exclude Dividend) ในวันที่ 3 มีนาคม 2563