KBANK กางแผนปี 63 ตั้งเป้าสินเชื่อรวมโต 4-6%

29 ม.ค. 2563 | 09:52 น.

กสิกรไทย เปิดแผนยุทธศาสตร์ปี 63 ตั้งเป้าสินเชื่อรวมเพิ่มขึ้น 4-6% รุกสินเชื่อลูกค้ารายย่อย(Retail)คาดเติบโต 9-11% จากการนำข้อมูลมาใช้วิเคราะห์ในการปล่อยสินเชื่อ ส่วนสินเชื่อเอสเอ็มอี(SME)เติบโต 1-3% และสินเชื่อลูกค้าธุรกิจรายใหญ่ (Corporate) เติบโต 2-4% ส่วนสินเชื่อบุคคลเพิ่ม 1.78 แสนล้านบาท โต 30% จากปี 62 เตรียมงบลงทุนด้านนวัตกรรม รับบริการดิจิทัลใน 3 ปี(ปี63-65) กว่า 17,000 ล้านบาท

นางสาวขัตติยา อินทรวิชัย กรรมการผู้จัดการ ธนาคาร กสิกรไทย(KBANK)เปิดเผยว่า ธนาคารกำหนดยุทธศาสตร์ใหม่ที่ยังคงยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลางและกำหนดเป้าหมายสำคัญคือ เพิ่มอำนาจให้ทุกชีวิตและธุรกิจของลูกค้า(To Empower Every Customer’s Life and Business)โดยจะขับเคลื่อนธุรกิจบน 8 เส้นทางสู่การยกระดับองค์กร (8 TransformationJourneys) เพื่อเพิ่มขีดความสามารถใหม่ 8 ด้านที่จะตอบสนองชีวิตและธุรกิจของลูกค้าให้เดินหน้าต่อไปได้เสมอ

 

ประกอบด้วย Ecosystem Orchestrator & Harmonized Channel-ร่วมมือกับพันธมิตรในระบบนิเวศน์ทางธุรกิจ ผสานช่องทางบริการอย่างไร้รอยต่อเพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจร่วมกัน, Intelligent Lending-ปล่อยสินเชื่อรายบุคคลจากฐานข้อมูลอัจฉริยะ เพื่อสร้างผลตอบแทนที่สอดคล้องกับความเสี่ยง, Proactive Risk & Compliance Management-การจัดการความเสี่ยงในเชิงรุก ป้องกันความเสียหาย และติดตามต่อเนื่อง , New Growth in Regional Market-แสวงหาโอกาสและการเติบโตในตลาดระดับภูมิภาค Data Analytics-ศักยภาพการวิเคราะห์ข้อมูล จะเป็นหัวใจในการสร้างโอกาสทางธุรกิจและเพิ่มประสิทธิภาพด้านการจัดการ

 

Cyber Security & IT Resilience-ยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยทางไซเบอร์ และความสามารถในการจัดการทางไอทีที่รวดเร็ว, Performing Talent and Agile Organization – ส่งเสริมให้บุคลากรมีทักษะความสามารถและร่วมกันขับเคลื่อน ด้วยการทำงานแบบ agile ที่มีความคล่องตัวสูง, Modern World Class Technology Capability-เพิ่มศักยภาพองค์กรด้วยเทคโนโลยียุคใหม่มาตรฐานระดับโลก

KBANK กางแผนปี 63 ตั้งเป้าสินเชื่อรวมโต 4-6%

นายปรีดี ดาวฉาย กรรมการผู้จัดการ KBANKกล่าวว่า ธนาคารมีมุมมองในการจัดกลุ่มความเสี่ยงและแนวทางการบริหารจัดการที่เป็นมาตรฐาน แบ่งเป็น 3 แกนหลักคือ 1) การจัดการความเสี่ยงพื้นฐานจากการให้บริการทางการเงิน(Banking Services)โดยใช้มาตรการรักษาความมั่นคงทางการเงินไว้ ด้วยการดำรงสัดส่วนเงินกองทุนและสัดส่วนด้านสภาพคล่องที่สูงกว่าเกณฑ์ ปัจจุบันมีการดำรงอัตราส่วนเงินกองทุน(CAR)ที่ 19.62% คิดเป็น 171% ของเกณฑ์ที่กำหนด มีสัดส่วนสภาพคล่อง(LCR)ที่ 188% ของเกณฑ์กำหนด และยังทำ Stress Testing กับเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้นและยังให้ความสำคัญกับความปลอดภัยในการทำธุรกรรมต่างๆ โดยติดตั้งระบบการตรวจจับรายการทุจริต (Fraud Monitoring) มีมูลค่าลงทุนรวมกว่า 500 ล้านบาท ทำให้อัตราส่วนรายการทุจริต(Fraud to Sales Ratio)ดีขึ้นต่อเนื่องและต่ำที่สุดเทียบกับผู้ให้บริการรายอื่นและค่าเฉลี่ยของประเทศ

KBANK กางแผนปี 63 ตั้งเป้าสินเชื่อรวมโต 4-6%

2) การจัดการความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจากบริการที่เป็นดิจิทัล(Digital Transformation)ปี 63 ธนาคารจะยกระดับการให้ความสำคัญในการดูแลเรื่องความปลอดภัยบนไซเบอร์ (Cyber Security) และความเป็นส่วนตัวของข้อมูลลูกค้า (Customer Data Privacy) ในระดับสูงสุด และจะมีการนำเทคโนโลยีด้าน AI และ Machine Learning มาใช้ในการตรวจจับ Cyber Crime และ Cyber Risk
3) การจัดการความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG Integration)โดยสนับสนุนทางการเงินแก่ธุรกิจที่คำนึงถึงการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคมเช่นสินเชื่อพลังงานทดแทน ซึ่งปี 2562 ปล่อยสินเชื่อกว่า 6,300 ล้านบาท กำลังการผลิตกว่า 800 เมกะวัตต์ ตั้งเป้าปี 63 จะมีส่วนแบ่งการตลาดด้านกำลังการผลิต(เมกะวัตต์) เป็น 15% ของตลาดในประเทศตามแผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือกของไทย และสินเชื่อเพื่อการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม ปี 62ให้สินเชื่อกว่า 2,000 ล้านบาท ตั้งเป้าปี 63 จะมียอดสินเชื่อที่ 2,400 ล้านบาท


นอกจากนั้นยังมีสินเชื่อเพื่อการสนับสนุนด้านสังคม ปี 62 ธนาคารให้สินเชื่อกลุ่มนี้รวมกว่า 7,600 ล้านบาท และตั้งเป้าปี 63 จะมียอดสินเชื่อที่ 7,730 ล้านบาท และธนาคารยังมียอดการออกหุ้นกู้เพื่อความยั่งยืนมาตั้งแต่ปี 61 รวม 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และตั้งเป้าจะออกหุ้นกู้เพื่อความยั่งยืนเพิ่มเติมอีกในอนาคต นอกจากนั้นยังมีการลงทุนในหุ้นกู้สีเขียว(Green Bond)ปี 62 มูลค่า 1,841 ล้านบาทและตั้งเป้าลงทุนเพิ่มอีก 300-500 ล้านบาทในปี63 
 

นายพัชร สมะลาภา กรรมการผู้จัดการ KBANKกล่าวว่า ช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ธนาคารนำศักยภาพด้านดิจิทัล แบงกิ้ง และความเชี่ยวชาญในการให้บริการโซลูชันทางการเงินอย่างครบวงจร ประสานกับจุดแข็งของพันธมิตรในกลุ่มธุรกิจต่าง ๆ สร้างโซลูชันที่ยกระดับการให้บริการของแพลตฟอร์มไปด้วยกัน โดยได้ร่วมพัฒนาศักยภาพการให้บริการของ แอปพลิเคชันหรืออี-วอลเลต(e-Wallet) ที่ขับเคลื่อนด้วยโครงสร้างเทคโนโลยี "Powered by KBank" รวมถึงการเชื่อมโยงกับแอปพลิเคชัน K PLUS ทำให้ลูกค้าที่ใช้บริการของทั้งธนาคารและพันธมิตร สามารถเข้าถึงบริการทางการเงินที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์หลากหลายรูปแบบได้ง่าย และสะดวกมากยิ่งขึ้น

KBANK กางแผนปี 63 ตั้งเป้าสินเชื่อรวมโต 4-6%

ทั้งนี้จากความร่วมมือกับพันธมิตรในธุรกิจต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ทำให้ปัจจุบันธนาคารและพันธมิตรสามารถให้บริการกับลูกค้าอย่างเต็มรูปแบบ ลูกค้าสามารถใช้บริการต่าง ๆ ได้อย่างไม่มีสะดุดบนแพลตฟอร์มที่เชื่อมโยงระหว่าง K PLUS ของธนาคารกสิกรไทยกับบนแพลตฟอร์มของพันธมิตร ไม่ว่าจะเป็น Powered by KBank เชื่อมต่อทุกอย่างให้ใช้งานได้อัตโนมัติจบในแอปพลิเคชันเดียว  พัฒนาอี-วอลเลต Blue CONNECT, GrabPay, YouTrip, จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทำให้สามารถให้บริการกับกลุ่มลูกค้าพันธมิตรรวมกว่า 1.3 ล้านราย นอกจากนั้นยังเพิ่มศักยภาพการให้บริการบนแพลตฟอร์ม K PLUS ให้เชื่อมโยงฐานข้อมูลลูกค้าที่ใช้บริการของพันธมิตรต่างๆ กับลูกค้าที่ใช้บริการของธนาคารเข้าด้วยกันเช่น เพิ่มบัตรสมาชิก(Add Card)รวม 13 แบรนด์ เช่น AIS Points, AirAsia BIG Loyalty, PTT Blue Card, The1 ทำให้ลูกค้าไม่ต้องพกบัตร ลูกค้าสามารถชำระค่าสินค้าหรือบริการด้วยคะแนนสะสมบัตรเครดิตใน K+ Market ซึ่งปีที่ผ่านมา มีลูกค้าใช้คะแนนบัตรเครดิตกสิกรไทยเพื่อแลกซื้อสินค้าหรือบริการรวมกว่า 1,400 ล้านคะแนน
นอกจากนั้นธนาคารได้เริ่มให้สินเชื่อส่วนบุคคลแบบไม่มีหลักประกัน ผ่านแพลตฟอร์มของธนาคารทุกช่องทาง รวมถึงให้บริการสินเชื่อบน K PLUSและเข้าถึงแพลตฟอร์มของพันธมิตรต่างๆ โดยร่วมกับบริษัท LINE Financial จัดตั้งบริษัท กสิกรไลน์ จำกัด และเตรียมให้บริการสินเชื่อเต็มรูปแบบ ภายใต้แบรนด์ LINE BK ในไตรมาส 2 ปีนี้ เพื่อให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนขนาดเล็กทั้งลูกค้าทั่วไปและผู้ประกอบการรายย่อย โดยปีปี 62 สามารถปล่อยสินเชื่อส่วนบุคคลแบบไม่มีหลักประกัน(Unsecured Lending)ได้รวมกว่า 36,000 ล้านบาท และปีนี้ตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อบุคคล(Consumer Lending)เพิ่ม 178,000 ล้านบาท เติบโต 30% จากปี 62

นายพิพิธ เอนกนิธิ กรรมการผู้จัดการ KBANKกล่าวว่า เพื่อก้าวไปสู่การเป็นธนาคารแห่งภูมิภาคที่แท้จริง(A Truly Regional Bank)นอกสร้างเครือข่ายและหาพันธมิตรและแสวงหาเทคโนโลยีและนวัตกรรมผ่านบริษัท K-Vision แล้ว ธนาคารอยู่ระหว่างเตรียมยื่นขออนุญาตจัดตั้ง บริษัท ไคไต้ เทคโนโลยี จำกัด (ไคไต้ เทค) ที่เมืองเซินเจิ้น เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีและสร้างสรรค์นวัตกรรม เพื่อสนับสนุนการให้บริการของธนาคารในประเทศจีน การให้บริการดิจิทัลในภูมิภาค และสามารถนำนวัตกรรมที่ได้กลับมาใช้ประโยชน์กับธนาคารกสิกรไทยและลูกค้าไทยด้วยเช่นกัน โดยธนาคารมีความพร้อมที่สร้างช่องทางและบริการดิจิทัล เพื่อพาคนไทยและธุรกิจไทยที่มีความเชื่อมั่นก้าวข้ามพรมแดนไปสู่โอกาสมหาศาลในยุคแห่งเอเชีย โดยตั้งเป้าในปีนี้ จะสร้างช่องทางการบริการของธนาคารใน CCLMVI ให้ครบและขยายพอร์ตลูกค้าบุคคลในจีน

KBANK กางแผนปี 63 ตั้งเป้าสินเชื่อรวมโต 4-6%

นายเรืองโรจน์ พูนผล ประธาน กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป หรือ(KBTG)กล่าวว่า ธนาคารจะยกระดับการเติบโตแบบใหม่ ด้วยการตั้ง KASIKORN X หรือเรียกอีกชื่อว่า KX เพื่อทำหน้าที่เป็น New S-Curve Factory โดยพันธกิจของ KX คือสร้าง ฟินเทค ยูนิคอร์น บริษัทแรกของไทยด้วยโมเดลธุรกิจแบบสุดโต่ง เพื่อสร้างแหล่งรายได้ใหม่ ๆ ให้กับกลุ่มธุรกิจทางการเงินของกสิกรไทย ซึ่งบริษัทจะดำเนินธุรกิจอย่างเป็นอิสระจากธนาคารและ KBTG โดยมีวัฒนธรรมองค์กร รูปแบบการทำงาน สภาพแวดล้อม และผลประโยชน์ต่าง ๆ เช่น ผลตอบแทนแบบก้าวกระโดดที่เชื่อมโยงกับประสิทธิภาพการทำงาน เหมือนกับบริษัทสตาร์ทอัพ
การขับเคลื่อนทางเทคโนโลยีของธนาคารไปสู่อนาคตยุคดิสรัปชั่นรอบนี้ จะมี KBTG เป็นกำลังสำคัญ ด้วยเทคโนโลยีและบุคลากรที่มีความพร้อม เพื่อขยายศักยภาพสู่ภูมิภาคไปจนถึงการจัดตั้ง KASIKORN X เพื่อเปิดรับโมเดลธุรกิจแบบฟินเทคอย่างเต็มรูปแบบ ตั้งเป้าเป็นบริษัทเทคโนโลยีอันดับหนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ภายในปี 2565