ไฟเขียวเอสเอ็มอี-สตาร์ทอัพ ระดมทุนในตลาดแรก-ตลาดรอง

23 ม.ค. 2563 | 06:48 น.

บอร์ดกำกับตลาดทุน (ก.ล.ต.) ไฟเขียว เอสเอ็มอีและสตาร์ทอัพระดมทุนได้ทั้งในตลาดแรกและตลาดรอง ได้ข้อสรุปหลักเกณฑ์ภายในไตรมาส1

นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการ ก.ล.ต. เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการกำกับตลาดทุน (ก.ต.ท.) ประจำเดือนมกราคม 2563  คณะกรรมการ ก.ต.ท. มีมติเห็นชอบเกณฑ์เปิดทางเอสเอ็มอีและสตาร์ทอัพระดมทุนได้ทั้งในตลาดแรกและตลาดรอง

คณะกรรมการ ก.ต.ท. มีมติเห็นชอบหลักเกณฑ์เพื่อรองรับการระดมทุนของเอสเอ็มอีและสตาร์ทอัพออกและเสนอขายหุ้นแก่ผู้ลงทุนในวงจำกัดและผู้ลงทุนทั่วไป และเปิดโอกาสให้นำหุ้นไปจดทะเบียนซื้อขายในตลาดรองได้ โดยเอสเอ็มอีและสตาร์ทอัพที่เป็นบริษัทจำกัดและบริษัทมหาชนจำกัด ซึ่งมีผลการดำเนินการมาเป็นระยะเวลาหนึ่ง หรือมีมูลค่ากิจการระดับหนึ่งแล้ว สามารถระดมทุนและนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดรองได้โดยไม่ต้องยื่นคำขออนุญาตต่อ ก.ล.ต. แต่ต้องเปิดเผยข้อมูลของกิจการและงบการเงินตามที่กำหนด และผู้ลงทุนต้องมีลักษณะต่อไปนี้

(1)  ผู้ลงทุนสถาบัน กิจการเงินร่วมลงทุน นิติบุคคลร่วมลงทุน ผู้ลงทุนที่มีลักษณะเฉพาะ  

(2)  กรรมการและพนักงานของเอสเอ็มอีและสตาร์ทอัพ หรือบริษัทในเครือ

(3)  ผู้ลงทุนที่มีประกาศนียบัตรวิชาชีพที่แสดงถึงความรู้ด้านการเงินและการลงทุน (professional license)

(4)  ผู้ลงทุนทั่วไปที่มีความรู้และประสบการณ์การลงทุนโดยมีเงินลงทุนโดยตรงในหุ้นเฉลี่ยตั้งแต่ 5 ล้านบาทขึ้นไปในรอบ 12 เดือนล่าสุด

ทั้งนี้ ก.ล.ต. จะเปิดรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน และคาดว่าจะได้ข้อสรุปเรื่องหลักเกณฑ์ภายในไตรมาส 1 ปี 2563 ในส่วนการจัดตั้งตลาดรองเพื่อรองรับการจดทะเบียนของเอสเอ็มอีและสตาร์ทอัพ ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยอยู่ระหว่างประชุมหารือเรื่องรูปแบบตลาดที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ

นอกจากนี้คณะกรรมการ ก.ต.ท. มีมติเห็นชอบการปรับปรุงหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการเสนอขายหลักทรัพย์ผ่านระบบคราวด์ฟันดิง กรณีมีผู้จองซื้อถึงร้อยละ 80 ของจำนวนเงินที่ตั้งไว้ โดยไม่ต้องยกเลิกการเสนอขายหากได้ไม่ครบร้อยละ 100 แต่ผู้ให้บริการระบบคราวด์ฟันดิง (Funding Portal) เปิดเผยและแจ้งเงื่อนไข ที่จะไม่ยกเลิกการเสนอขายให้ผู้ลงทุนทราบก่อนจองซื้อ เพื่อลดข้อจำกัดตามเกณฑ์เดิมที่กำหนดว่าหากได้เงินไม่ครบจำนวนที่ตั้งไว้ต้องยกเลิกการเสนอขาย (All-or-nothing) ซึ่งหลักเกณฑ์ใหม่ดังกล่าวสอดคล้องกับการกำกับดูแลในต่างประเทศ นอกจากนี้ ยังกำหนดให้ Funding Portal มีระบบงานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศที่มีประสิทธิภาพตามหลักเกณฑ์และแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการจัดให้มีระบบเทคโนโลยีสารสนเทศของ ก.ล.ต. เพื่อสร้างมาตรฐานและแนวทางในการประกอบธุรกิจให้มีความชัดเจนยิ่งขึ้น