รวมกิจการธนชาต ดัน ทีเอ็มบี โตเท่าตัว

20 ม.ค. 2563 | 12:11 น.

ทีเอ็มบี แจงผลงาน 62 ขนาดกิจการเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวจากการรวมกิจการกับธนาคารธนชาต ด้านคุณภาพสินทรัพย์และฐานะทางการเงินปรับตัวดีขึ้น พร้อมสำหรับปี 2563 ทั้ง IFRS 9 และพันธกิจรวมกิจการ

นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ธนาคาร ทหารไทย หรือ ทีเอ็มบีเปิดเผยว่า ปี 2562 นับว่ามีความท้าทายไม่น้อย ทั้งภาพรวมเศรษฐกิจและการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมธนาคาร ขณะที่ทีเอ็มบีมีโครงการรวมกิจการ ทำให้ทั้งปี ทีเอ็มบีให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจอย่างรอบคอบ และได้เริ่มเตรียมความพร้อมสำหรับการรวมกิจการ ไม่ว่าจะเป็นการปรับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ M-Rate ของทั้ง 2 Tนาคารให้อยู่ในระดับเดียวกัน การเตรียมสภาพคล่องไว้ขยายพอร์ตสินเชื่อเช่าซื้อ การขายหุ้นในบลจ.ธนชาต จึงมั่นใจว่า ธนาคารมีความพร้อมสำหรับก้าวใหม่ในปี 2563 ไม่ว่าจะเป็นการใช้มาตรฐานบัญชี IFRS9 และการดำเนินการรวมกิจการตามแผนที่ได้วางไว้

รวมกิจการธนชาต ดัน ทีเอ็มบี โตเท่าตัว

ทั้งนี้หลังเสร็จสิ้นขั้นตอนการซื้อหุ้นธนาคารธนชาตเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2562 ที่ผ่านมา ในงบการเงินรวมของทีเอ็มบี จะรวมผลการดำเนินงานของธนาคารธนชาต ในฐานะบริษัทย่อยเข้ามา โดยงบดุลจะรวมผลการดำเนินงานของธนาคาร ธนชาต ณ สิ้นสุด 31 ธันวาคม 2562 ขณะที่งบกำไรขาดทุนจะรวมผลการดำเนินงานของธนาคารธนชาตเฉพาะช่วงวันที่ 4-31 ธันวาคม 2562

ส่งผลให้ ณ สิ้นปี 2562 ทีเอ็มบีมีสินทรัพย์ตามงบการเงินรวม 1.9 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวจาก 0.9 ล้านล้านบาท ณ สิ้นปี 2561 ด้านเงินฝากเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 1.4 ล้านล้านบาท จาก 0.6 ล้านล้านบาท จากผลของการรวมกิจการและการเติบโตอย่างต่อเนื่องของเงินฝากที่เป็น Flagship Product ของทีเอ็มบี โดยเฉพาะจากเงินฝากบัญชี ทีเอ็มบี ออลล์ ฟรี และทีเอ็มบี โนฟิกซ์  ด้านสินเชื่อเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 1.4 ล้านล้านบาท จาก 0.7 ล้านล้านบาท จากพอร์ตสินเชื่อเช่าซื้อของธนาคารธนชาตที่รวมเข้ามา ขณะที่สินเชื่อที่อยู่อาศัยสำหรับรายย่อยของทีเอ็มบีก็ขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องเช่นกัน

ในส่วนของรายได้จากการดำเนินปี 2562 ตามงบการเงินรวมอยู่ที่ 39,821 ล้านบาท ลดลงจาก 48,042 ล้านบาทในปีก่อนหน้า สาเหตุหลัก จากการลดลงของรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย จากการเปรียบเทียบกับฐานสูงในปี 2561 ซึ่งทีเอ็มบีมีการบันทึกรายได้พิเศษจากการขายหุ้น TMBAM 65% จำนวน 1.2 หมื่นล้านบาท จึงทำให้รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย(งบการเงินรวม ) ในปี 2561 อยู่ที่ 23,545 ล้านบาท สูงกว่า 12,956 ล้านบาท ในปี 2562 ซึ่งหากตัดรายการพิเศษออกไป รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยปี 2562 จะเพิ่มขึ้นประมาณ 11% ประกอบกับรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่เพิ่มขึ้น 9.7% จากช่วงเดียวกันปีก่อนมาอยู่ที่ 26,865 ล้านบาท จากรายได้จากเงินให้สินเชื่อที่เพิ่มขึ้น และการรับรู้รายได้ดอกเบี้ยการให้เช่าซื้อและสัญญาเช่าการเงินจากธนาคารธนชาต จะทำให้รายได้จากการดำเนินงานในปี 2562 ปรับตัวดีขึ้น 10% โดยประมาณ
 

ส่วนธุรกรรมการขายหุ้นบลจ.ธนชาต หรือ TFUND นั้น ทีเอ็มบีจะรับรู้การขายดังกล่าวจากธนาคาร ธนชาต ซึ่งเป็นบริษัทลูก แต่ทีเอ็มบี จะไม่บันทึกกำไรจากรายการนี้ เนื่องจากในการรวมกิจการ ทีเอ็มบีดำเนินการบันทึกและรับรู้มูลค่าของ TFUND เข้ามาด้วย Fair Value แล้ว ดังนั้น การที่ธนาคาร ธนชาตขายหุ้น TFUND ออกไป 25.1% ที่เกิดขึ้นในไตรมาส 4 นั้น จึงไม่ได้บันทึกกำไร โดย TFUND ส่วนที่เหลือ 49.9% ที่ธนาคารธนชาตถืออยู่ ทีเอ็มบีจะรับรู้รายได้เข้ามาจากส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วม (Profit sharing from associate company)

ในส่วนของค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน (งบการเงินรวม) อยู่ที่ 20,674 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.3% จากปีก่อนหน้า การเพิ่มขึ้นส่วนหนึ่งเป็นผลจากการรับรู้ค่าใช้จ่ายของธนาคารธนชาต ประกอบกับในปี 2562 มีค่าใช้จ่าย one-time หลายรายการ เช่น ค่าใช้จ่าย Employee Retirement Benefit ตามพรบ.คุ้มครองแรงงานฉบับแก้ไขใหม่ ค่าใช้จ่ายที่ปรึกษาโครงการรวมกิจการ (Advisory Fee) 

“ปี 2563 นี้ ผู้บริหารชุดใหม่ที่เป็นการประสานความร่วมมือระหว่างผู้บริหารจากทั้งสองธนาคาร พร้อมเดินหน้าสานพันธกิจการรวมกิจการ เพิ่มศักยภาพของธนาคารในการให้บริการและส่งมอบประสบการณ์ทางการเงินที่ดียิ่งขึ้นให้กับฐานลูกค้าที่เพิ่มขึ้นแตะระดับ 10 ล้านราย และในส่วนของเป้าหมายทางการเงินปี 2563 นี้ อยู่ระหว่างการนำเรื่องเข้าที่ประชุมคณะกรรมการในปลายสัปดาห์นี้”