ฟันธง‘หุ้นไทย’ฟื้น  Q1ลุ้นทะลุ1600 จุด   

นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ทิศทางตลาดหุ้นไตรมาส 1 น่าจะฟื้นตัวกลับมาได้ เพราะปัจจัยต่างประเทศที่เคยเป็นประเด็นในปี 2562 เรื่องสงครามการค้าและเบร็กซิทเริ่มคลี่คลาย โดยสหรัฐฯ และจีนจะลงนามข้อตกลงทางการค้าเฟสแรกในวันที่ 15 มกราคมนี้และต่อด้วยการเจรจาเฟส 2 ส่วนปัจจัยลบคือเงินบาทแข็งค่า โดยปี 2562 แข็งค่า 7% อย่างไรก็ดีเชื่อว่าทั้งธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และคลังจะดูแลไม่ให้บาทแข็งค่า 30 บาท นอกจากนี้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ คาดจะทยอยปรับเพิ่มเติม เพื่อบูตเศรษฐกิจ รวมถึงอาจผ่อนคลายเกณฑ์ LTV

“จากที่กล่าวข้างต้น ประกอบกับเศรษฐกิจโลกและการค้าดีขึ้นเมื่อเทียบปี 2562 ส่งผลให้ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ปีนี้มีแนวโน้มดีขึ้น ภาคอสังหาฯ ได้ประโยชน์จากมาตรการภาครัฐ และดีมานด์พลังงาน-ปิโตรเคมี ฟื้นกลับมาตั้งแต่ปลายปี 2562 หลังเทรดวอร์ที่คลี่คลาย ซึ่ง
กลุ่มหุ้นพลังงานคิดเป็น 25% ของมูลค่าตลาด (Market Cap) เป็นแรงหนุนสำคัญตลาดหุ้นไทย อีกทั้งในปี 2563 ไม่มีแรงขายกองทุนหุ้นระยะยาวหรือ LTF เพราะผู้ที่ซื้อในปี 2559 จะไปครบกำหนดในปี 2565 นอกจากนี้ Valuation หุ้นไทยมีราคาถูก ดังนั้นตลาดหุ้นไทยน่าจะกลับมารีบาวด์ในไตรมาสแรกได้

บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบีฯ คาดเป้าหมาย SET Index ปีนี้ที่ 1700 จุด โดยหุ้น TOP PICK ที่แนะนำมี 11 ตัว คือ AOT ให้ราคาเป้าหมาย 89.00 บาท, AP ราคาเป้าหมาย 8.40 บาท , BH ราคาเป้าหมาย 21 บาท, CHG ราคาเป้าหมาย 3.00 บาท, CBG ราคาเป้าหมาย 113 บาท, CPALL ราคาเป้าหมาย 95 บาท, CPF ราคาเป้าหมาย 35 บาท, INTUCH ราคาเป้าหมาย 78.20 บาท, NETBAY 35.70 บาท, SCB ราคาเป้าหมาย 145 บาท และ SPRC ให้ราคาเป้าหมาย 10.80 บาท

ด้านนายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย)ฯ กล่าวกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่ายังคงมุมบวกต่อตลาดหุ้นในช่วงต้นปี 2563 จาก 1. ทิศทางเศรษฐกิจโลกและภาคการผลิตฟื้นตัว สัญญาณส่งออกในหลายประเทศดีขึ้น 2. ภาพการลงทุน จากการที่ก่อนหน้านักลงทุนกังวลความเสี่ยงทำให้ถือสินทรัพย์ปลอดภัยสูง แต่จากสถานการณ์เทรดวอร์เริ่มคลี่คลาย ทำให้นักลงทุนเริ่มปรับพอร์ตเพิ่มนํ้าหนักในสินทรัพย์เสี่ยง อาทิ ในหุ้น สินค้าโภคภัณฑ์มากขึ้น 3. โบรกฯเริ่มปรับประมาณการกำไรบจ.เพิ่มขึ้น ตั้งแต่ช่วง 3 สัปดาห์สุดท้ายของเดือนธันวาคม 2562 ทำให้คาดหวังการฟื้นตัวของตลาดหุ้นในช่วงต้นปีน่าจะบวก

“เศรษฐกิจไทยปี 2563 น่าจะดีขึ้น การชะลอของเศรษฐกิจจากงบประมาณที่ล่าช้า คาดจะผ่านวาระ 2, 3 ในเดือนมกราคม และเงินน่าจะไหลเข้าสู่ระบบในไตรมาส 1 และเร่งการใช้จ่ายก่อนเดือนกันยายน” 

บล.ยูโอบี เคย์เฮียนฯ คาดการณ์เป้าหมายดัชนีหุ้นไทยปี 2563 ที่ 1750 จุด กรอบเข้าซื้อที่ 1550-1600 จุด และให้ขายทำกำไรหรือลดนํ้าหนักการลงทุนเมื่อดัชนีปรับ 1700-1750 จุด และลงในหุ้นอิงปัจจัยต่างประเทศ หรือเศรษฐกิจโลก โดยให้นํ้าหนักหุ้นกลุ่มพลังงาน และโรงกลั่น ได้แก่ TOP ราคาเป้าหมาย 81.00 บาท , SPRC ราคาเป้าหมาย 14.00 บาท, PTT ราคาเป้าหมาย 58 บาท, PTTEP ราคาเป้าหมาย 175 บาท

ส่วนหุ้นธนาคาร คาดมีโอกาสรายงานกำไรไตรมาส 4/2562 สูงกว่าที่ตลาดคาด โดยเลือก BBL ให้ราคาเป้าหมาย 210 บาท

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด กล่าวว่าบล.ทิสโก้ฯ มีมุมมองตลาดหุ้นไทยปี 2563 “เชิงบวกอย่างระมัดระวัง” โดยคาดว่าในไตรมาส 1/2563 SET Index มีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นและมีโอกาสทะลุ 1600 จุดได้ จากปัจจัยบวกแรงกดดันต่างประเทศคลี่คลาย ทั้งประเด็นสหรัฐฯ และจีนบรรลุข้อตกลงการค้าเฟส 1 และกระบวนการ Brexit น่าจะราบรื่น, ธนาคารกลางหลายประเทศคงอัตราดอกเบี้ยและดำเนินมาตรการอัดฉีดสภาพคล่อง
เข้าสู่ระบบ, แนวโน้มราคานํ้ามันปรับสูงขึ้นในระยะสั้น โดยคาดว่าราคานํ้ามันจะแตะระดับ
สูงสุดใหม่ในรอบ 3 เดือน หลังกลุ่มประเทศผู้ส่งออกนํ้ามันและพันธมิตร (OPEC+) ตกลงลดกำลังการผลิตนํ้ามันเพิ่มอีก 5 แสนบาร์เรลต่อวัน เป็น 1.7 ล้านบาร์เรลต่อวันในช่วงไตรมาส 1/2563 ซึ่งจะเป็นผลดีต่อแนวโน้มกำไรบจ.และ คาดว่างบประมาณประจำปี 2563 ของไทยจะมีผลบังคับใช้ปลายเดือนมกราคม

ส่วนปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตามคือ การเจรจาการค้าในเฟสถัดๆ ไป, การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ปลายปีนี้, แนวโน้มที่เม็ดเงิน LTF เก่าๆ จะเริ่มทยอยไหลออก, พัฒนาการทางการเมือง และการใช้ 6 มาตรฐานบัญชีใหม่เริ่มวันที่ 1 มกราคม

หน้า 17-18 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 40 ฉบบับที่ 3,537 วันที่ 5-8 มกราคม 2563