สศค.เชื่อ เศรษฐกิจหลังจากนี้ดีขึ้นได้

26 ธ.ค. 2562 | 09:42 น.

สศค.เชื่อเศรษฐกิจไทยระยะต่อไปแนวโน้มขยายตัวได้ดี จากปัจจัยลงทุนภาครัฐ-บริโภคในประเทศ พร้อมทบทวนจีดีพีปีนี้-ปีหน้า ม.ค.63

นายวุฒิพงศ์ จิตตั้งสกุล รองผู้อำนวยการ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) และรักษาการในตำแหน่งที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะรองโฆษก สศค. เปิดเผยว่า แนวโน้มเศรษฐกิจไทยในระยะต่อไป มีแนวโน้มขยายตัวได้ดี โดยมีแรงขับเคลื่อนจากการลงทุนภาครัฐ และการบริโภคในประเทศเป็นสำคัญ ส่วนอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ในปี 2562 และ 2563 นั้น จะทบทวนและประกาศอีกครั้งในเดือนมกราคม 2563 ต่อไป

สศค.เชื่อ เศรษฐกิจหลังจากนี้ดีขึ้นได้

ส่วนเศรษฐกิจไทยในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ขยายตัวดี โดยได้รับขับเคลื่อนจากอุปสงค์ในประเทศ โดยการบริโภคภายในประเทศขยายตัวต่อเนื่อง สะท้อนจากยอดการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ บนฐานการใช้จ่ายในประเทศขยายตัว 3.7% ต่อปี

ขณะที่รายได้เกษตรกรที่แท้จริงขยายตัว 1.8% อย่างไรก็ตาม ปริมาณรถจักยานยนต์ที่จดทะเบียนใหม่ชะลอตัวลงโดยติดลบ 6.8% ขณะที่ยอดจำหน่ายรถยนต์นั่งติดลบ 16.4%  สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยปรับลดลงมาอยู่ที่ 57.9 เป็นผลจากการชะลอตัวของการส่งออกสินค้าไทย และความกังวลสถานการณ์เศรษฐกิจโลก

สศค.เชื่อ เศรษฐกิจหลังจากนี้ดีขึ้นได้

ด้านการส่งออก ในเดือนพฤศจิกายน การส่งออกติดลบ 7.4% เป็นผลจากการชะลอตัวของการส่งออกสินค้าของไทย ในหมวดสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน รถยนต์อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องรับวิทยุโทรทัศน์ ทองคำ ข้าว ยางพารา ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง กุ้งสดแช่แข็งและแปรรูป โดยตลาดส่งออกที่ยังขยายตัว คือ จีน ฮ่องกง ไต้หวัน และตะวันออกกลาง

สศค.เชื่อ เศรษฐกิจหลังจากนี้ดีขึ้นได้

ส่วนการนำเข้าในเดือนพฤศจิกายนติดลบ 13.8% ส่งผลให้ดุลการค้าเกินดุล 548.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ภาคการท่องเที่ยวยังขยายตัวได้ต่อเนื่อง โดยสะท้อนจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าไทยมีทั้งสิ้น 3.36 ล้านคน ขยายตัว 5.9% ต่อปี ซึ่งส่วนใหญ่ยังเป็นนักท่องเที่ยวจีนเป็นหลัก ขยายตัวได้ 18.3% นอกจากนี้ยังมีนักท่องเที่ยวจากไต้หวัน อินเดีย และรัสเซียที่ยังขยายตัวได้ โดยสร้างรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติได้ถึง 166,897 ล้านบาท ขยายตัว 3% ต่อปี

ขณะที่ ภาคการเกษตรสะท้อนจากดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตรชะลอลงโดยติดลบ 2.7% ต่อปี เช่นเดียวกับภาคอุตสาหกรรมสะท้อนจากดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมชะลอตัวติดลบ 8.3% ต่อปี อย่างไรก็ตาม ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมอยู่ที่ระดับ 92.3 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าเนื่องจากผู้ประกอบการมีการเร่งผลิตเพื่อชดเชยวันทำงานที่น้อยลงเนื่องจากวันหยุดเทศกาลในเดือนธันวาคม รวมทั้งมียอดคำสั่งซื้อและยอดขายเพิ่มขึ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศ

สศค.เชื่อ เศรษฐกิจหลังจากนี้ดีขึ้นได้

สำหรับอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาอยู่ที่ 2% ปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อยจากเดือนก่อนหน้า โดยมีสาเหตุจากการปรับตัวสูงขึ้นของราคาสินค้าในหมวดอาหารและเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ ด้านอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ 0.5%

ส่วนอัตราการว่างงานยังอยู่ในระดับต่ำที่ 1.1% ของกำลังแรงงาน ด้านสัดส่วนหนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนตุลาคม 2562 อยู่ที่ 41% ต่อจีดีพี ซึ่งอยู่ภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลังที่ตั้งไว้ตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 ส่วนเสถียรภาพภายนอกยังอยู่ในระดับมั่นคง และสามารถรองรับความเสี่ยงจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้