ธนชาตประกันภัย ปรับใหญ่ ฝ่าDisruption
ธนชาตประกันภัยลั่น ปี 63 พร้อมทำตลาดเชิงรุก ตั้งเป้าเติบโต 7% ทั้งจากใน-นอกแบงก์ ยกระดับทีมขายยึดกติกาแบงก์ชาติและคปภ.พร้อมใช้ AI รับมือดิจิทัล-ชูจุดแข็งทุนแกร่งเรียกความมั่นใจคุ้มครองลูกค้าเต็มพิกัด
นายพีระพัฒน์ เมฆสิงห์วี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ธนชาตประกันภัย จำกัด(มหาชน) เปิดเผยถึงแนวทางการดำเนินธุรกิจปี 2563 ว่าภาพรวม ของธุรกิจประกันวินาศภัยจะทรงตัวจากปีนี้ แต่กลุ่มรายใหญ่จะมีโอกาสเติบโตจากเบี้ยประกันภัยใหม่ โดยเฉพาะโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานหรือเมกะโปรเจ็กต์ ส่วนรายย่อยจะมีแรงสนับสนุนจากโปรดักต์ใหม่ๆ ที่เสนอเป็นทางเลือกสำหรับลูกค้า ขณะที่โปรดักต์ เดิมที่ไม่ค่อยมีกำไร อาทิ ประกันภัยรถยนต์จะได้รับแรงหนุนจากการปรับเพิ่มค่าเบี้ย แม้จำนวนรถยนต์ใหม่จะทรงตัวก็ตาม
ปีหน้ายังจะมีความท้าทายทั้งพฤติกรรมลูกค้าที่เปลี่ยนไปสู่เทรนด์ดิจิทัลมากขึ้น หรือการปรับเพิ่มความคุ้มครองจากพระราช บัญญัติ (พ.ร.บ.)คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ ซึ่งเบื้องต้นทราบว่าจะปรับวงเงินค่าสินไหม กรณีเสียชีวิต คุ้มครอง 5 แสนบาทและภาคสมัครใจขั้นตํ่าอีก 5 แสนบาทรวมเป็น 1 ล้านบาท ซึ่งจะเริ่มมีผลภายในต้นปี 2563 ซึ่งปัจจัยเหล่านี้เป็นโจทย์ที่แต่ละบริษัทต้องบริหารจัดการ เพราะจะมีผลต่อความสามารถในการรักษาผลประกอบการที่ดี
“การปรับเพิ่มความคุ้มครอง จะช่วยลดขั้นตอนทำงานให้เร็วขึ้นและพนักงานทำงานได้มากขึ้น แต่ต้องแลกด้วยความคุ้มครองขั้นตํ่า ทำให้ลูกค้าประทับใจ นับเป็นภาพบวกต่อธุรกิจประกันภัยภาพรวม ขณะที่บริษัทต้องปรับตัวตอบสนองพฤติกรรมลูกค้าตามเทรนด์ดิจิทัล ส่วนแนวโน้มการแข่งขันเชื่อว่าทุกค่ายเริ่มเห็นผลจากการลดราคา โดยหันมาให้บริการที่แตกต่าง ยิ่งมาตรฐานบัญชี IFRS17 จะเข้ามาบังคับใช้ ทุกคนต้องระมัดระวัง เพราะต้องรู้ต้นทุนที่ชัดเจนและกำหนดราคาให้เหมาะสม โดยเฉพาะความคุ้มครองระยะยาว เช่น รับประกันภัยบ้าน 10 - 20 ปี ต้อง Discount รายได้ในอีก 20 ปีข้างหน้า ให้เป็นมูลค่าปัจจุบัน ซึ่งเราอยู่ระหว่างจัดทำผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้น”
พีระพัฒน์ เมฆสิงห์วี
อย่างไรก็ตาม ธนชาตประกันภัยจะทำธุรกิจเชิงรุก โดยตั้งเป้าเติบโต 7% หรือคิดเป็นเบี้ยรวม 8,800 ล้านบาทจากปัจจัยสนับสนุนที่ฐานลูกค้าธนาคารใหม่เพิ่มเป็น 10 ล้านราย หลังการรวมกิจการธนาคารธนชาตกับทหารไทย และกลยุทธ์ทำงานร่วมกับพันธมิตรขยายช่องทางการขายทั้งภายในและภายนอกธนาคาร ซึ่งเฉพาะช่องทางแบงก์แอสชัวรันซ์จะเติบโต 15% และจะมีทีมขายใหม่ 4-5 พันคนจากที่มีอยู่ประมาณ 3 พันคน โดยจะอบรมให้ทุกคนรู้จัก ประโยชน์ของโปรดักต์ในมุมของลูกค้าและสามารถใช้บริการผ่านโมบายแพลตฟอร์มทุกช่องทาง ต้องทำตามกติกา ให้บริการที่เป็นธรรมหรือ Market Conduct ของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)
ทั้งนี้ปริมาณงานที่เพิ่มขึ้นถือเป็นอีกความท้าทายที่จะต้องสร้างความรู้ความเข้าใจกับเซลส์ให้เก่งครบรอบด้านและเน้นสปีดในการขายและให้บริการโดยใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ช่วยวิเคราะห์การเกิดเหตุความเสียหายอนุมัติเคลมเร็วและถูกต้อง และ Line Official Account “ธนชาตประกันภัย” ซึ่งปัจจุบันมีลูกค้าใช้บริการแล้ว 1 แสนราย อนาคตจะยกระดับลูกค้าใช้บริการแพลตฟอร์มไลน์และดิจิทัล จากตอนนี้มีฐานลูกค้าอยู่กว่า 1.5 ล้านกรมธรรม์ ซึ่งลูกค้าจะได้รับประโยชน์ที่มากกว่าแพลตฟอร์มปกติ
“กลุ่มลูกค้า GEN-Y ลงมา เรื่อง e-Policy ถือเป็นเรื่องปกติทั้งในกรุงเทพฯ ปริมณฑลและหัวเมืองใหญ่ แต่ในรายลูกค้าที่ยังไม่พร้อมใช้ช่องทางโมบายบริษัทก็ยังคงให้บริการอยู่”
ทั้งนี้ ธนชาตประกันภัย ดำเนินธุรกิจมาเป็นเวลา 22 ปีหากบวกอายุพนักงานนับเป็นองค์กรที่อยู่ในวัย 40 ปี ซึ่งเป็นช่วงอายุที่มีพลังงานสูงประกอบด้วยทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญและคนรุ่นใหม่และด้วยวิสัยทัศน์บริษัทวินาศภัยรุ่นใหม่ที่เน้นการคิดสร้างสรรค์ทั้งผลิตภัณฑ์และบริการเพื่อให้ประโยชน์สูงสุดกับลูกค้า ทำให้สิ้นปีนี้คาดว่าจะมีเบี้ยรับรวม 8,200 ล้านบาท พนักงาน 750 คน ไม่รวมเจ้าหน้าที่สำรวจภัยในพื้นที่อีกกว่า 300 คน ซึ่งสะท้อนการเติบโตที่เริ่มต้นปีแรกจากพนักงานไม่ถึง 20 คนและเบี้ยรับเพียง 35 ล้านบาทเท่านั้น
หน้า 19-20 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับที่ 3,534 วันที่ 26-28 ธันวาคม 2562
