GLOCON ดันแชร์ธุรกิจอาหาร มั่นใจ3ปีล้างขาดทุนสะสม
GLOCON ปรับกลยุทธ์ดันแชร์ธุรกิจอาหารเป็น 60% ผนึกกำลัง “ดิแองเจิ้ล โกลบอล” รุกผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพความงาม มั่นใจปี 63 พลิกทำกำไรดันรายได้ทะลุ 1,600 ล้านบาท โต 25% ลั่นล้างขาดทุนสะสมหมดใน 3 ปี
นายเชิดศักดิ์ กู้เกียรตินันท์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทโกลบอล คอนซูเมอร์ จำกัด (มหาชน) (บมจ.)หรือ GLOCON เปิดเผยว่าหลังจากที่ได้เข้ามาบริหารบริษัทเมื่อปีที่แล้ว และ ได้เปลี่ยนชื่อบมจ.เอ็นพีพีจี (ประเทศไทย) หรือ NPPG มาเป็น GLOCON ตามกลยุทธ์ธุรกิจของบริษัทที่หันมารุกธุรกิจอาหารมากขึ้น จากเดิมที่ธุรกิจหลักเป็นผลิตบรรจุภัณฑ์ (Packaging)
แผนปี 2563 บริษัทวางเป้ารายได้ที่ 1,600 ล้านบาท หรือเติบโตจากปีนี้ 25% สัดส่วน 60% จะมาจากรายได้ด้านธุรกิจอาหาร จากที่ปีนี้อยู่ที่ 52% และวางเป้าหมายภายใน 3 ปี จะล้างขาดทุนสะสมทั้งหมด (ณ สิ้นเดือนก.ย. 62 บริษัทมีขาดทุนสะสม 795 ล้านบาท)
“ปีหน้าบริษัทจะรุกธุรกิจอาหารมากขึ้น โดยจะขยายร้าน A&W เพิ่มอีก 10-15 สาขา เน้นในทำเลย่านสถาบันการศึกษา พร้อมขยายช่องทางอาหารในร้านสะดวกซื้อ 7-11 และลดสาขาที่ขาดทุนมาก ซึ่งส่วนใหญ่มาจากค่าเช่าแพง การขยายเมนูอาหารประเภทข้าว ซึ่งปัจจุบันธุรกิจอาหารพร้อมรับประทานที่จำหน่ายในคอนวีเนียนสโตร์เติบโตอย่างต่อเนื่องเป็น 2 เท่าตัวและมีมากกว่า 10 เมนู”
ส่วนธุรกิจผลิตบรรจุภัณฑ์ (Packaging) ซึ่งมีการแข่งขันที่สูง และมาร์จินตํ่า บริษัทยังคงทำธุรกิจดังกล่าวต่อ แต่จะปรับปรุงการผลิต โดยเฉพาะกลุ่มที่เป็นบรรจุภัณฑ์ชนิดแข็ง แนวโน้มจะเปลี่ยนเป็นวัสดุที่ย่อยสลายได้
นายเชิดศักดิ์ กล่าวต่อว่า ปัจจุบันบริษัทมีกระแสเงินสด 300 ล้านบาท เพียงพอที่จะ รองรับการลงทุนเพื่อใช้ในการปรับปรุงไลน์ผลิตในโรงงานประมาณ 100 ล้านบาท ในปีหน้าจึงไม่มีความจำเป็นต้องเพิ่มทุนหรือกู้เงิน แต่บริษัทยังเน้นให้ความร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อต่อยอดธุรกิจ
ล่าสุดบริษัทได้เปิดตัวบริษัทย่อย คือ บริษัท ดิ แองเจิ้ล โกลบอล จำกัด ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา เพื่อดำเนินธุรกิจในรูปแบบการตลาดเครือข่าย (Network Marketing) จัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพและความงาม ซึ่งสามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้หลากหลายช่องทางผ่านระบบ Beyond O2O ที่ได้รวบรวมจุดแข็งทั้งด้านออนไลน์และออฟไลน์ ต่อยอดพัฒนาซอฟแวร์อัจฉริยะที่จะช่วยหุ้นส่วนธุรกิจ สามารถตรวจสอบการเติบโตขององค์กรธุรกิจได้แบบ Real Time รวมถึงได้สร้างเครื่องมือบุกตลาดออนไลน์ที่ทันสมัยใช้ได้จริง และมีหลักสูตรออนไลน์มืออาชีพ (Professional Course) ที่สร้างผลลัพธ์ได้รวดเร็ว รองรับลูกค้าและนักธุรกิจที่สามารถใช้ขยายตลาดไปได้ทั่วโลก
คาดว่าปี 2563 “ดิ แอง เจิ้ล โกลบอล” จะสร้างรายได้ให้ประมาณ 100 ล้านบาท จากรายได้รวมที่บริษัทวางเป้าไว้ 1,600 ล้านบาท และปี 2564, 2565 จะเพิ่มเป็น 300 ล้านบาท และ 500 ล้านบาท ตามลำดับ
“ปี 2562 เป็นปีแห่งการการแก้ปัญหาเก่า เทิร์นอะราวด์ ลดการขาดทุนซึ่งปีนี้ยังคงปริ่มๆหรือขาดทุนน้อยลงมาก หลังจากที่บริษัทได้เปลี่ยนกลยุทธ์ธุรกิจและมั่นใจว่า “ดิ แองเจิ้ล โกลบอล” จะเป็น 1 ใน 4 เครื่องยนต์ที่สร้างรายได้ให้บริษัทในระยะต่อไปเพิ่มขึ้นปีหน้าน่าจะไม่น้อยกว่า 100 ล้านบาท”
ภาพรวมธุรกิจของ GLOCON ปัจจุบันแบ่งเป็น 1. ธุรกิจบรรจุภัณฑ์ มีสัดส่วน รายได้ 48% 2. ธุรกิจผลิตอาหารที่เป็นวัตถุดิบแช่แข็ง อาหารพร้อมรับประทานเข้าสู่ช่องทางจำหน่ายในร้านสะดวกซื้อขนาดใหญ่ มีสัดส่วน 32% 3. ธุรกิจร้านอาหารแบบ QSR สัดส่วน 17% และ 4. อื่น ๆอีก 4% ในอนาคตมีแผนจะปรับสัดส่วนรายได้และกำไรมาจากธุรกิจอาหารและธุรกิจ Personal Health Care Products มากขึ้น
ด้านนายเอื้ออารี ต่อเนื่อง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดิ แองเจิ้ล โกลบอล จำกัด กล่าวถึงความมั่นใจในผลิตภัณฑ์ของบริษัทที่สอดคล้องกับการดูแลตัวเอง ถือเป็นเมกะเทรนด์ที่เกี่ยวข้องกับผู้คนกว่า 6 พันล้านคนทั่วโลก ขณะที่ธุรกิจเครือข่ายในไทยมีมูลค่าสูงถึง 7 หมื่นล้านบาท โดยกลยุทธ์การดำเนินงานของบริษัทจะแบ่งออกเป็น 3 เฟส เฟสแรก คือการสร้างแพลตฟอร์มออนไลน์สำหรับให้สมาชิกไว้ใช้งาน, ขยายฐานสมาชิก และสร้างช็อปสินค้า รวมถึงคาเฟ่และสปา เฟสที่ 2 คือ การสร้างคอมมิวนิตีและไลฟ์สไตล์ใหม่ร่วมกับร้านอาหารในเครือโกลบอล คอนซูเมอร์ และเฟสที่ 3 คือการคัดเลือกสินค้าท้องถิ่นเข้ามาขายในอี-มาร์เก็ตเพลสของเรา”
“ช่วงปีแรกนี้เรามุ่งโฟกัสไปที่การขยายฐานสมาชิกในประเทศ จากปัจจุบันที่สมาชิก 7,000 คน ก่อนขยายไปในประเทศกลุ่มอาเซียนที่เรามีเครือข่ายอยู่ เช่น สปป.ลาว ฟิลิปปินส์ ในระยะถัดไป โดยตั้งเป้าหมายยอดขายปี 2563 อยู่ที่ 100 ล้านบาท และคาดว่าภายใน 5 ปี (2563-2567) จะทำยอดขายรวมได้ถึง 3 พันล้านบาท”
หน้า 17-18 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับที่ 3,531 วันที่ 15-18 ธันวาคม 2562
