10เศรษฐีหุ้น  รับปันผลปี62 อู้ฟู่8,352ล้าน

เผย 10 เศรษฐีหุ้นไทยรับเงินปันผลรอบปี 2562 รวมกันกว่า 8,352 ล้านบาท เพิ่ม 24% พิชญ์ โพธารามิก รับสูงสุดจาก JAS ถึง 2,652 ล้านบาท ตามด้วย อนันต์ อัศวโภคิน 1,859 ล้านบาท ขณะที่สารัชถ์ รัตนาวะดี แชมป์เศรษฐีหุ้นไทยรับปันผลรวมถือในโฮลดิ้ง 1,486 ล้านบาท เพิ่ม 200%

แรงส่งจากราคาหุ้น บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF), หุ้นบมจ.โอสถสภา (OSP), หุ้นบมจ.ทีโอเอ (TOA) และหุ้น บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) 4 หุ้นท็อปเทน ที่ปรับขึ้นแรงสุดในรอบปี 2562 ส่งผลให้ทำเนียบเศรษฐีหุ้นไทยปี 2562 มีหน้าใหม่เกิดขึ้น และทำให้ความมั่งคั่งแชมป์เศรษฐีหุ้นปีนี้ นำทิ้งห่างอยู่หลายขุม โดยเฉพาะหุ้น GULF ปรับขึ้นตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน (12 ธ.ค.) 112.26% อย่างไรก็ดี นอกจากความมั่งคั่งจากมูลค่าหุ้นที่ถือ มาดูกันว่าบรรดาเศรษฐีหุ้นเหล่านี้ได้รับเงินปันผลตอบแทนในรอบปี 2562 มากน้อยอย่างไร

จากการสำรวจของ “ฐานเศรษฐกิจ” พบว่า 10 เศรษฐีหุ้นไทยในรอบปี 2562 ได้รับเงินปันผลตอบแทนรวมกันประมาณ 8,352.47 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24% จากปีที่แล้วอยู่ที่ 6,712.41 ล้านบาท โดย นายพิชญ์ โพธารามิก ผู้ถือหุ้นอันดับ 1 บมจ.จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล (JAS) จำนวน 4,572,490,053 หุ้น สัดส่วน 56.08% ยังครองแชมป์ได้รับเงินปันผลมากสุดถึง 2,652 ล้านบาท จากเงินปันผลที่ได้รับในรอบปีนี้ 2 งวดรวม 0.58 บาทต่อหุ้น เพิ่ม 16% จากปีที่แล้วที่รับ 2,286 ล้านบาท หรือรับเงินปันผลหุ้นละ 0.50 บาท

รองลงมาได้แก่ อนันต์ อัศวโภคิน ถือหุ้นใหญ่ บมจ.แลนด์แอนด์เฮ้าส์ (LH) จำนวน 2,860,000,047 หุ้น สัดส่วน 23.93% ได้รับเงินปันผลปี 2562 จำนวน 1,859 ล้านบาท หุ้นละ 0.65 บาท จากงวดผลประกอบการในรอบครึ่งหลังปี 2561 และรอบครึ่งแรกของปี 2562 ลดลงจากปีที่แล้ว 13% ที่ได้รับ 2,145 ล้านบาท หรือที่หุ้นละ 0.75 บาท

ส่วนอันดับ 3 เป็นนายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ และประธานคณะกรรมการบริหาร บมจ. บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) ถือหุ้นจำนวน 3,099,221,052 หุ้น สัดส่วน 24.68% ได้รับปันผลจากผลประกอบการรอบปีนี้ (เม.ย.61- มี.ค. 62) 2 งวด รวมหุ้นละ 0.42 บาท เป็นจำนวนเงิน 1,302 ล้านบาท เทียบรอบปี 2560/2561 ได้รับหุ้นละ 0.35 บาท เป็นเงินปันผลตอบแทนรวม 1,085 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 20%

ส่วนอันดับ 4 นายสารัชถ์ รัตนาวะดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร/กรรมการ บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) ถือหุ้นจำนวน 755,999,994 หุ้น สัดส่วน 35.44% ได้รับเงินปันผลในรอบปี 2562 จำนวน 907 ล้านบาท หุ้นละ 1.20 บาท จากผลประกอบการของรอบปี 2561 (1 ม.ค. -31 ธ.ค. 61) เทียบกับรอบปี 2561 (ผลประกอบการงวด 1 ม.ค. 60-31 ธ.ค. 60) ได้รับเงินปันผล 302 ล้านบาท หุ้นละ 0.40 บาท เพิ่มขึ้นร่วม 200%

อย่างไรก็ดี หากนับผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับที่ 3, 4 และ 5 คือ GULF CAPITAL HOLDINGS LIMITED ถือจำนวน 223,515,000 หุ้น สัดส่วน 10.48%, GULF INVESTMENT AND TRADING PTE. LTD. จำนวน 159,000,002 หุ้น สัดส่วน 7.45% และบริษัท กัลฟ์ โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด จำนวน 100,000,002 หุ้น สัดส่วน 4.69% รวมกันเป็น 482,515,004 หุ้น สัดส่วน 22.62% ในส่วนหลังนี้คิดเป็นเงินปันผลอีก 579 ล้านบาท เท่ากับนายสารัชถ์ รัตนาวะดี จะได้รับเงินปันผลตอบแทนในรอบปีนี้ถึง 1,486 ล้านบาท เทียบปี 2561 รับอยู่ที่ 495 ล้านบาท เนื่องจากข้อมูลไฟลิ่งในช่วงที่ GULF ยื่นเสนอขายหุ้นไอพีโอ (ธ.ค. 60) ระบุถึงสัดส่วนการถือหุ้น “กลุ่มของนายสารัชถ์” จะประกอบด้วย นายสารัชถ์ รัตนาวะดี และที่เหลือ คือ 1.บริษัท กัลฟ์ โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด เป็นบริษัทจำกัดภายใต้กฎหมายไทยถือหุ้นโดยนายสารัชถ์ รัตนาวะดี 100% ,2. GULF CAPITAL HOLDINGS LIMITED เป็นบริษัทจำกัดภายใต้กฎหมายฮ่องกง โดยนายสารัชถ์ รัตนาวะดี เป็นผู้รับผลประโยชน์ (Beneficiary) และ 3.GULF INVESTMENT AND TRADING PTE. LTD. เป็นบริษัทจำกัดภายใต้กฎหมายสิงคโปร์ โดยนายสารัชถ์ รัตนาวะดี เป็นผู้รับผลประโยชน์

ขณะที่นายแพทย์ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ ได้รับเงินปันผลตอบแทนจาก 3 บริษัทที่ถือหุ้นคือ บมจ. กรุงเทพดุสิตเวชการ (BDMS) จำนวน 2,647,168,140 หุ้น สัดส่วน 16.66%, บมจ. การบินกรุงเทพ (BA) จำนวน 222,777,500 หุ้น สัดส่วน 10.61% และ บมจ.โรงพยาบาลนนทเวช (NTV) จำนวน 222,777,500 หุ้น สัดส่วน 1.37%  รวมกันในรอบปี 62 จำนวน 683 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19% จากปี 2561 ที่ได้รับอยู่ที่ 573 ล้านบาท (ตารางประกอบ)

ส่วนบริษัทจดทะเบียน (บจ.)น้องใหม่ กลุ่ม “สิริวัฒนภักดี” คือ บมจ. เครือไทย โฮลดิ้งส์ หรือ SEG มีนายเจริญ และคุณหญิงวรรณา สิริวัฒนภักดี ถือหุ้น SEG (รายละ) จำนวน 281,103,971 หุ้น สัดส่วน 37.38%

บมจ. แอสเสท เวิรด์ คอร์ป (AWC) นายเจริญ สิริวัฒนภักดี ถือหุ้น AWC จำนวน 7,776,999,880 หุ้น สัดส่วน 25.12% และ คุณหญิงวรรณา สิริวัฒนภักดี ถือ 6,120,000,000 หุ้น สัดส่วน 19.7% ต้องดูในรอบปี 2563 การจ่ายเงินปันผลจะจูงใจมากน้อยเพียงไร

หน้า 17-18 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับที่ 3,531 วันที่ 15-18 ธันวาคม 2562