คลัง ดันตั้งตลาดทุนคนตัวเล็กปีหน้า

10 ธ.ค. 2562 | 04:24 น.

รมว.คลัง ดันตั้งตลาดทุนสำหรับผู้ประกอบการตัวเล็ก แบบเดียวกับ SET-MAI คาดได้ข้อสรุปปีหน้า หวังรายเล็กเข้าถึงแหล่งทุนมากขึ้น พร้อมเผยแผนปีหน้า สร้างสวัสดิการประชาชนมากขึ้น

ในงานสัมมนาเศรษฐกิจฐานรากพลิกความเชื่อมั่นเศรษฐกิจไทย นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยหากต้องการให้เดินหน้าต่อไปได้ รัฐบาลต้องให้ความสำคัญกับความแข็งแกร่งกับเศรษฐกิจฐานราก แต่รัฐบาลต้องการให้ทุกฝ่าย โดยเฉพาะเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการสร้างความแข็งแกร่งจากภายในดังกล่าว เพื่อให้ไทยสามารถก้าวผ่านช่วงเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ที่กระทบกับการส่งออกไทยให้ชะลอตัวลงอย่างมาก

คลัง ดันตั้งตลาดทุนคนตัวเล็กปีหน้า

                                              อุตตม  สาวนายน

ขณะเดียวกันกระทรวงการคลังจะผลักดันให้เกิดตลาดทุนใหม่ๆ สำหรับผู้ประกอบการตัวเล็ก ไมโครเอสเอ็มอี และผู้ประกอบการสตาร์ตอัพ ให้มีแหล่งเงินทุนในการพัฒนาธุรกิจมากขึ้น โดยเบื้องต้นได้หารือกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) และสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์การเข้าจดทะเบียนในตลาดใหม่ดังกล่าวของผู้ประกอบการรายเล็ก เพื่อระดมเงินทุนผ่านการซื้อขายหลักทรัพย์เช่นเดียวกับการซื้อขายหลักทรัพย์ในตลท.และตลาด MAI แต่จะมีเงื่อนไขการลงทุนที่แตกต่างกัน ทั้งทุนจดทะเบียน ลักษณะการเทรดหุ้น และเงื่อนไขการป้องกันความเสี่ยงต่างๆ ซึ่งคาดว่าในต้นปีหน้าจะได้ข้อสรุปหลักเกณฑ์ต่าง ๆ เหล่านี้ และเปิดตัวตลาดดังกล่าวได้ ส่วนจะเปิดเทรดได้เมื่อใดนั้นต้องขึ้นอยู่กับความพร้อมก่อน

 

 

"พูดง่าย ๆ ว่าเป็นการเปิดกระดานลงทุนใหม่ แต่ให้กับผู้ประกอบการตัวเล็ก ให้มีพื้นที่ในการหาแหล่งเงินลงทุนใหม่เช่นเดียวกับผู้ประกอบการรายใหญ่ และรายกลาง ซึ่งลักษณะการเทรดจะคล้ายกัน แต่เงื่อนไขต้องแตกต่าง เพราะผู้ประกอบการรายเล็กยังมีความแข็งแกร่งไม่เท่ารายใหญ่ แต่ก็มีการร่วมทุน Venture cap ได้ด้วย ซึ่งมองว่าตลาดทุนที่จะสร้างมาใหม่นี้ เป็นแพลตฟอร์มที่น่าสนใจ ที่จะทำให้ผู้ประกอบการรายเล็กเติบโตได้มากขึ้น "นายอุตตม กล่าว

 

ทั้งนี้การสร้างตลาดทุนสำหรับผู้ประกอบการตัวเล็กนั้น มีขึ้นมาในหลายประเทศที่ประสบความสำเร็จ อาทิ จีน และสิงคโปร์ ซึ่งเชื่อว่าจะได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการตัวเล็กเข้ามาเทรดจำนวนมาก

 

นอกจากนี้แผนงานของกระทรวงการคลังหลังจากนี้ จะไม่ดูเพียงแค่วินัยการคลังอีกต่อไป แต่จะให้ความสำคัญกับความเป็นอยู่ของประชาชนมากขึ้น โดยเฉพาะการให้สวัสดิการกับประชาชนและให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำงานเชิงรุก มีการพัฒนาประชาชนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

 

"เรากำลังจะเดินหน้า จะทำให้เข้มข้นมากขึ้น วินัยการเงินการคลังก็ต้องรักษาไว้ แต่จะสนับสนุนให้คนไทยมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีมากขึ้นมากกว่านี้ แบงก์รัฐก็จะส่งเสริมด้านเงินทุนให้มากขึ้น ซึ่งภาครัฐและเอกชนสามารถเข้าช่วยกันเพื่อให้เกิดห่วงโซ่ทีสมบูรณ์มากขึ้น"นายอุตตม กล่าว

 

 

ด้านนายอภิรมย์ สุขประเสริฐ ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.) กล่าวว่า ธ.ก.ส.ได้เตรียมเงินสินเชื่อธุรกิจชุมชนสร้างไทย วงเงิน 50,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 0.01% ต่อปี ระยะเวลา 3 ปี หรือตั้งแต่ 1 ธันวาคม2562-30 พฤศจิกายน 2565 เพื่อสร้างโอกาสให้ธุรกิจรายเล็กเข้าถึงแหล่งเงินทุนมากขึ้น

 

ขณะเดียวกันธ.ก.ส.จะเน้นการพัฒนาใน 3 ด้าน ด้านเกษตรกรรม เช่น กลุ่มธุรกิจการผลิตบริการและรวบรวม ด้านท่องเที่ยว เช่น กลุ่มที่พักโฮมสเตย์ อาหารและเครื่องดื่ม กลุ่มนำเที่ยวและขนส่ง และผลิตภัณฑ์ชุมชน และด้านอุตสาหกรรมการแปรรูปและโลจิสติกส์ โดยตั้งเป้าขยายผลให้ได้ 928 ชุมชนในสิ้นปีนี้ และเป็น 9,000 ชุมชนในปี 2565 ซึ่งปัจจุบัน ธ.ก.ส.มีเกษตรกรลูกค้าอยู่ 6.17 ล้านครัวเรือน สมาชิกกลุ่มเกษตรกร 396,165 กลุ่ม ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเกษตร 442,887 ราย

คลัง ดันตั้งตลาดทุนคนตัวเล็กปีหน้า

 

ขณะที่นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กล่าวว่า ธนาคารได้เตรียมแหล่งเงินทุนสินเชื่อประชารัฐสร้างไทย ธนาคารประชาชน5..5..5 วงเงินสินเชื่อ 2,500 ล้านบาท กู้ได้รายละไม่เกิน 50,000 บาท เพื่อให้พ่อค้าแม่ค้าหาบเร่แผงลอย ผู้ประกอบการอาชีพอิสระ และผู้มีรายได้น้อย มีเงินทุนหมุนเวียนในการประกอบอาชีพ โดยสามารถใช้บุคคล หรือบริษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม(บสย.)ค้ำประกันได้ โดยคิดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ต่อเดือน ระยะเวลาผ่อนชำระ 5 ปี

 

ด้านนายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ เปิดเผยว่า ยอดการปล่อยสินเชื่อของธนาคารช่วง 11 เดือนสูงถึง 185,000 ล้านบาท มั่นใจว่าสิ้นปีนี้จะสามารถปล่อยสินเชื่อตามเป้าหมายที่ 203,000 ล้านบาท หรือเฉลี่ยต่อเดือนปล่อยสินเชื่อได้ไม่ต่ำกว่า 18,000 ล้านบาท เนื่องจากมีมาตรการของภาครัฐที่เข้ามาช่วยผลักดันตลาดอสังหาฯให้เติบโต โดยเฉพาะโครงการบ้านดีมีดาวน์ที่จะเปิดให้ลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ในวันพรุ่งนี้วันแรก (11 ธ.ค.)จะได้รับความสนใจจากประชาชน