เม็ดเงิน SSFไหลเข้าตลาดปี63 2.8 หมื่นล้าน

08 ธ.ค. 2562 | 07:11 น.

SSF กระทบโฟลว์ตลาดหุ้น บล.กสิกรไทยฯ คาดเงินไหลเข้าปี 2563 หายอย่างน้อย 6 พันล้านบาท จากเงื่อนไขต้องถือ 10 ปี ชี้วงเงินซื้อแม้จะเพิ่มจาก 15% เป็น 30% แต่อัตราการออมคนรุ่นใหม่ตํ่า ขณะที่ผู้เสียภาษีที่มีรายได้ระดับสูง ลงทุนได้จำกัดเพียง 2 แสนบาท จับตาไตรมาส 4 เงินทะลัก LTF 5,000-10,000 ล้านบาท

หลังจากมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2562 เห็นชอบมาตรการส่งเสริมการออมระยะยาวตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ด้วยการจัดตั้งกองทุนรวมเพื่อการออม Super Saving Fund (SSF) แทนกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) และปรับเกณฑ์การซื้อกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ใหม่ โดยกองทุน SSF สามารถนำมาหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้เพิ่มขึ้นจาก 15% เป็น 30% แต่ไม่เกิน 2 แสนบาท และเมื่อรวมกับวงเงินลดหย่อนจากกองทุนอื่นเพื่อการเกษียณแล้วจะต้องไม่เกิน 5 แสนบาทต่อปีภาษี กำหนดระยะเวลาการถือครองจากเดิม 7 ปีปฏิทินเป็น 10 ปี และยังปรับเกณฑ์ RMF ให้สามารถหักลดหย่อนภาษีเงินได้เพิ่มขึ้นจากเดิม 15% เป็น 30% แต่เมื่อรวมกับวงเงินลดหย่อนจากกองทุนอื่นเพื่อการเกษียณแล้วจะต้องไม่เกิน 5 แสนบาท พร้อมยกเลิกเกณฑ์ที่ต้องซื้อขั้นตํ่า 3% หรือ 5,000 บาท เป็นไม่มีวงเงินขั้นตํ่าในการซื้อ แต่ต้องซื้อต่อเนื่อง (อ่านเงื่อนไขประกอบ )

นายสุนทร ทองทิพย์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวกับฐานเศรษฐกิจถึงผลกระทบต่อตลาดหุ้น จากเงินไหลเข้ากอง SSF เทียบกับ LTF ที่มีเงินไหลเข้าสุทธิปีละ 34,000 ล้านบาท คาดจะหายไปอย่างน้อย 6,000 ล้านบาทต่อปี (กรณีของ Best case) เหลือ 28,000 ล้านบาทในปี 2563 จากสาเหตุหลักคือระยะเวลาที่ถือครองนานขึ้นเป็น 10 ปี เทียบกับ LTF ถือเพียง 7 ปีปฏิทิน หรือ 5 ปี และจำนวนเงินสูงสุดของผู้เสียภาษีที่มีรายได้ระดับสูงสามารถซื้อ SSF ได้น้อยลงคือ 200,000 บาท เทียบกับ LTF ที่ 500,000 บาท รวมถึงเกณฑ์ SSF ที่เปิดทางให้ลงทุนในสินทรัพย์ได้ทุกประเภททำให้เงินเข้าตลาดหุ้นน้อยกว่า เมื่อเทียบกับ LTF ที่บังคับลงในหุ้นไทย

เม็ดเงิน SSFไหลเข้าตลาดปี63 2.8 หมื่นล้าน

ส่วนผู้เสียภาษีที่มีรายได้ระดับตํ่า แม้วงเงินซื้อ SSF จะซื้อได้มากขึ้นจาก 15% เป็น 30% ของรายได้รวม แต่เชื่อว่าคนกลุ่มนี้จะไม่ซื้อมาก เนื่องจากอัตราการออมของคนไทยอยู่ที่ 10% ของรายได้ นอกจากนี้เกณฑ์ SSF ยังทำให้ผู้ลงทุนที่อายุเกิน 45 ปีอาจไปเลือกซื้อ RMF ก่อน SSF เพราะ RMF ถือเพียง 5 ปี และขายเมื่ออายุ 55 ปี

ส่วนจะมีแรงเทขายหรือไม่ นายสุนทร กล่าวว่า กองทุนรวมที่ลงในหุ้นไทยปัจจุบันมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (NAV) อยู่ที่ 8 แสนล้านบาท แบ่งเป็น 1. LTF ประมาณ 4 แสนล้านบาท 2.เป็นการลงในหุ้นไทยทั่วไปอีก 3 แสนล้านบาท และ 3. RMF ที่ลงในหุ้นไทยอีก 1 แสนล้านบาท ในส่วน LTF 4 แสนล้านบาท มีประมาณ 3 แสนล้านบาท ถือครบ 7 ปีปฏิทิน แต่โอกาสขายออกคงไม่มากเพราะต้นทุนคนซื้อ LTF อยู่ดัชนีระดับ 1200-1500 จุด ซึ่งส่วนใหญ่จะขายเมื่อดัชนีปรับขึ้นสูง

เม็ดเงิน SSFไหลเข้าตลาดปี63 2.8 หมื่นล้าน

“มองว่า SSF จะกระทบตลาดหุ้นอ่อนๆ แต่ไม่มาก คาดไม่มีกระแสเงินไหลออกจาก LTF ในปี 2563-2564 มากนัก เพราะมีการเปลี่ยนระยะเวลาการถือครองจาก 5 ปีปฏิทิน เป็น 7 ปีปฏิทิน สำหรับผู้ซื้อหน่วยลงทุน LTF ตั้งแต่เดือนมกราคม 2559 ส่วน LTF ที่ครบกำหนด 3 แสนล้านบาท ในภาวะดัชนีหุ้นระดับ 1500 จุดยังไม่จูงใจให้เกิดการขาย ส่วนใหญ่จะขายเมื่อดัชนีหุ้นสูงๆ ส่วน RMF หากคนซื้อเพื่อหวังลดหย่อนภาษีก็ยังซื้อปกติ เฉลี่ยต่อปีเงินเข้า RMF ประมาณ 20,000 ล้านบาท

บล.กสิกรไทยฯ ยังมองว่าสิทธิประโยชน์ทางภาษีของ LTF ที่จะสิ้นสุดลงในปี 2562 คาดจะมีผู้เสียภาษีลงทุนใน LTF มากขึ้น (โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้ระดับสูง) โดยคาดกระแสเงินไหลเข้าลงทุนในกอง LTF ประมาณ 5,000-10,000 ล้านบาท ในไตรมาส 4/2562 เทียบกับ ติดลบ 11,000 ล้านบาทในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2562 และจากสถิติในไตรมาส 4 ช่วง 5 ปีที่ผ่านมา เงินไหลเข้าเฉลี่ยที่ 33,000 ล้านบาท

บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เคที ซีมิโก้ฯ ระบุในบทวิเคราะห์ว่าประเด็นข่าวดังกล่าวส่งผลอ่อนๆ ต่อตลาดหุ้น เนื่องจากปริมาณเม็ดเงินที่จะไหลเข้ามาในกองทุน SSF จะปรับลดลงมากเมื่อเทียบกับในอดีต อิงสถิติค่าเฉลี่ย 5 ปีย้อนหลังที่ผ่านมา จะมีเม็ดเงินลงทุนใหม่ต่อปีประมาณ 2.57 หมื่นล้านบาท เนื่องจากวงเงินสูงสุดที่สามารถลดหย่อนภาษีได้ถูกปรับลดจาก 5 แสนบาท เหลือ 2 แสนบาท และอาจมีปริมาณตํ่ากว่านั้น เพราะต้องมีการนับรวมวงเงินลดหย่อนภาษีจากกองทุนอื่นๆ เข้ามาด้วย

ความน่าสนใจของการซื้อ LTF จะปรับลดลง เนื่องจากต้องถือครองนานขึ้นจาก 7 ปี เป็น 10 ปี และบางส่วนอาจหันไปลงทุนกองทุน RMF ทดแทน (กองทุน RMF เป็นกองทุนที่ไม่จำเป็นต้องลงทุนในหุ้นทั้งหมด และเฉลี่ย 5 ปีล่าสุด มีเม็ดเงินลงทุนที่ 1.75 หมื่นล้านบาท)

คาดว่า ปริมาณเม็ดเงินใหม่ที่ลดลงผ่านกองทุน LTF จะส่งผลทางอ้อมต่อทิศทางตลาดหุ้นไทยในระยะสั้นเพิ่มขึ้น เนื่องจาก กองทุน LTF/SSF เป็นกองทุนที่ลงทุนในหลักทรัพย์ส่วนใหญ่ 75-80% ของพอร์ต

หน้า 17-18 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับที่ 3,529 วันที่ 8-11 ธันวาคม 2562

                     เม็ดเงิน SSFไหลเข้าตลาดปี63 2.8 หมื่นล้าน