ตลท.ชู 3 จุดแข็ง  หนุนพื้นฐานตลาดหุ้นไทยแกร่ง

04 ธ.ค. 2562 | 23:48 น.

จุดเด่นประการที่ 3 คือ ความน่าสนใจของหุ้นในกลุ่ม well-beingหรือหุ้นที่เกี่ยวเนื่องกับชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนที่หลากหลายทั้งในและต่างประเทศ อาทิ กลุ่มท่องเที่ยว โรงพยาบาล อาหาร รวมถึงโลจิสติกส์ ซึ่งปัจจุบันกลุ่มหุ้น well-being นับเป็นกลุ่มที่มีสัดส่วนมากที่สุดของตลาดไทยแซงหน้ากลุ่มพลังงานและธนาคารพาณิชย์ไปแล้ว

ตลท.มั่นใจพื้นฐานตลาดหุ้นไทยแกร่ง ชู 3 จุดเด่นหนุนตลาดในปีหน้า พร้อมชูกลุ่ม Well-being นำตลาด

งานสัมมนา “ส่องหุ้นไทย ฟุบ หรือ ไปต่อ... รับปี 2020”  ซึ่งจัดโดย หนังสือ พิมพ์กรุงเทพธุรกิจ เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2562

นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาด หลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ปาฐกถาพิเศษ “ตลาดหุ้นไทย ปี 2020” ว่าในปี 2562 ต่อเนื่องสู่ปี 2563 ถือเป็นปีที่น่าตื่นเต้นสำหรับนักลงทุน เพราะภาพของตลาดทุนในปัจจุบันเป็นยุค VUCA หรือยุคที่ประกอบไปด้วย ความผันผวน (Volatility) ความไม่แน่นอน (Uncertainty) ความซับซ้อน (Complexity) และความคลุมเครือ (Ambiguity)

อย่างไรก็ตาม ยังเชื่อมั่นว่าพื้นฐานของตลาดหุ้นไทยยังคงแข็งแกร่งท่ามกลางภาวะที่ผันผวนเช่นนี้ โดยความแข็งแกร่งนี้เกิดขึ้นจาก 3 จุดเด่นสำคัญ ได้แก่ ความกว้างที่มากขึ้นของตลาดหุ้นไทย ซึ่งจะเห็นได้จากการเติบโตของมูลค่าตลาดหลักทรัพย์ไทย ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 17 ล้านล้านบาท สูงสุดเป็นอันดับ 2 ของอาเซียน รองจากตลาดหุ้นสิงคโปร์ ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 20.7 ล้านล้านบาท และในแง่ของการระดมทุนในตลาดแรกผ่านหุ้นไอพีโอ ปัจจุบันตลาดหุ้นไทยก็มีมูลค่ามากที่สุดถึง 7.6 หมื่นล้านบาท ในปี 2562 นี้

นอกจากนี้จะเห็นว่าหุ้นขนาดใหญ่ของไทยสามารถเข้าไปร่วมคำนวณในดัชนี MSCI Global Standard Index ถึง 41 บริษัท และมีถึง 7 บริษัทที่เป็นผู้นำด้านความยั่งยืนใน DJSI 2562 เป็นรองเพียงแค่บริษัทจากสหรัฐฯที่มีอยู่ 12 บริษัท ซึ่งบริษัทในกลุ่มนี้จะเป็นกลุ่มที่ช่วยดึงให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนมากขึ้น

จุดเด่นด้านถัดมาคือ ความลึก ตลาดหุ้นไทยมีมูลค่าการซื้อขายต่อวันของตลาดหุ้นไทยเป็นอันดับ 1 ในอาเซียน เฉลี่ยที่ 5.24 หมื่นล้านบาท เนื่องจากเป็นตลาดที่มีความหลากหลายของนักลงทุนค่อนข้างมาก

“แม้ภาวะตลาดหุ้นจะยังมีความผันผวน แต่เชื่อว่าโอกาสของการลงทุนยังมีอยู่เสมอ โดยส่วนตัวมองว่าทางเลือกการลงทุนที่น่าสนใจในขณะนี้คือ หุ้นที่ให้ผลตอบแทนสมํ่าเสมอ อย่างกลุ่มหุ้น 30 ตัว ใน SETHD ซึ่งตลอดทั้งปีที่ผ่านมาให้ผลตอบแทน 5.4% สูงกว่าตลาดที่ทรงตัว เช่นเดียวกับกลุ่มกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน กองทรัสต์ และกองรีท ก็ยังให้ผลตอบแทนที่ค่อนข้างแน่นอน”

นอกจากนี้ยังมีหุ้นในบางกลุ่มที่กำไรสุทธิ 9 เดือนปี 2562 ยังคงเติบโตได้โดดเด่น อาทิ กลุ่มการแพทย์ กำไร 9 เดือน โต 33% กลุ่มโรงแรม โต 17% กลุ่มอาหาร โต 12% กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ โต 8% และกลุ่มธนาคาร
โต 5%

นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT เปิดเผยว่ามองแนวโน้มทิศทางธุรกิจในปี 2563 เชื่อว่าภาพรวมน่าจะปรับตัวดีขึ้นจากปีนี้ เนื่องจากธุรกิจโรงกลั่น ที่คาดว่าจะพลิกกลับมาฟื้นตัวดีขึ้นจากส่วนต่าง (สเปรด) และค่าการกลั่นที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีก็น่าจะกลับมา เพราะราคาหยุดเดินมานานแล้วและสเปรด ที่ค่อนข้างตํ่ามากแล้ว

นางจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริษัทและประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บมจ. ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น หรือ WHA กล่าวถึงแผนธุรกิจปีหน้านั้น เบื้องต้นคาดว่าทุกธุรกิจของบริษัทจะขยายตัวได้ต่อเนื่องโดยเฉพาะในส่วนของธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมที่ปัจจุบันมีลูกค้าจากประเทศจีนและไต้หวันที่สนใจย้ายฐานการผลิตมาในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง คาดว่าปีนี้จะมียอดขายที่ดินอย่างน้อย 1,100-1,200 ไร่ หลังจากในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมามียอดขายเกือบ 600 ไร่ และยังมีลูกค้าที่รอเซ็นสัญญาในช่วงไตรมาส 4/2562 อีกจำนวน 600-700 ไร่   

หน้า 2 ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3528 วันที่ 5-7 ธันวาคม 2562