FETCO วอนคลัง แยกวงเงินลดหย่อน LTF-RMF

28 พ.ย. 2562 | 08:31 น.

FETCO หวั่นคนไม่ลงทุนกองทุนใหม่ แทน LTF ทำเงินเข้าตลาดหุ้นลดลง หากรวมวงเงินลดหย่อนกับ RMF ขอคลังแยกวงเงินชัดเจน พร้อมมอง ออมยาว 10 ปี เพียงพอแล้ว

นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยกับแนวคิดของกระทรวงการคลัง ที่จะรวมวงเงินลดหย่อนภาษีของกองทุนใหม่ที่จะมาแทนกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (RMF) รวม 500,000 บาทต่อปีนั้น เนื่องจาก จะทำให้เม็ดเงินการออมระยะยาวเข้าตลาดสู่ตลาดทุนลดลง เพราะปัจจุบัน การลงทุนใน RMF จะมีวงเงินสะสมของนายจ้างรวมอยู่ด้วย รวมถึงประชาชนยังไม่ตระหนักถึงการออมเพื่อวัยเกษียณมากนัก ดังนั้นหากรวมวงเงินยิ่งจะทำให้การออมระยะยาวลดน้อยลง

FETCO วอนคลัง แยกวงเงินลดหย่อน LTF-RMF

ทั้งนี้ FETCO ยังเสนอให้แยกวงเงินระหว่างกองทุนใหม่ และ RMF โดยให้ RMF คงวงเงินลดหย่อนภาษีได้ 500,000 บาทต่อปีเช่นเดิม และเพิ่มวงเงินลดหย่อนสำหรับกองทุนใหม่อย่างน้อย 200,000-250,000 บาทต่อปี เพื่อให้มีเม็ดเงินเข้ามาลงทุนในตลาดทุนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งที่ผ่านมาในแต่ละปีมีเม็ดเงินลงทุนจากกองทุน LTF เข้ามาลงทุนเฉลี่ยปีละ 50,000 ล้านบาท ซึ่งสร้างเสถียรภาพให้กับตลาดทุนไทยค่อนข้างมาก 

 

“ควรแยกวงเงิน เพราะมันคนละวัตถุประสงค์ หากรวมกันคนจะให้ความสนใจกับกองทุนใหม่น้อย และจะทำให้เม็ดเงินลงทุนใหม่ไม่เข้ามาในตลาดหุ้น ซึ่งขณะนี้คนยังไม่มีความเชื่อมั่นและรอดูท่าทีของกองทุนใหม่ จึงทำให้เม็ดเงินจากการลงทุน LTF ในปีนี้ไม่ค่อยคึกคัก ส่วนระยะเวลาในการออม FETCO มองว่า ควรอยู่ที่ 10 ปีน่าจะเพียงพอต่อการออม และความสนใจของประชาชน ที่จะเริ่มสร้างวินัยการออมในระยะยาว เพราะหากเป็น 15 ปีอาจเป็นการออมที่ยาวเกินไป" 

FETCO วอนคลัง แยกวงเงินลดหย่อน LTF-RMF

นายไพบูลย์ ยอมรับว่า นักลงทุนยังไม่มีความเชื่อมั่น สะท้อนผลตอบแทนจากการลงทุนในตลาดหุ้นไทยในปัจจุบัน ยังสร้างผลตอบแทนต่ำรั้ง 5 อันดับสุดท้ายของโลก หรือมีผลตอบแทนเติบโตเพียง 2-3% เท่านั้น ซึ่งถือว่าต่ำมากเมื่อเทียบกับประเทศที่มีสงครามการค้าระหว่างกัน โดยสหรัฐผลตอบแทนในการลงทุนในตลาดทุนสูงถึง 30% ขณะที่จีนมีผลตอบแทนสูงถึง 20% 

“ไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย โปแลนด์ และชิลี เป็น 5 อันดับสุดท้ายของประเทศที่ให้ผลตอบแทนต่ำสุดในปีนี้ สาเหตุเพราะนักลงทุนขาดความเชื่อมั่นไม่มีเหมือนกับสหรัฐ และจีน ที่แม้จะเกิดสงครามการค้าแต่นักลงทุนยังมีความเชื่มมั่นและพร้อมลงทุนในตลาดหุ้น ดังนั้นกระทรวงการคลังจะต้องเร่งหาข้อสรุป และให้ความสำคัญกับตลาดหุ้น และหากรวมวงเงินกันระหว่างกองทุนใหม่และ RMF ในปีหน้าอาจทำให้เม็ดเงินลงทุนที่เคยได้จาก LTF จะหายไปมากกว่าครึ่งหนึ่ง”นายไพบูลย์ กล่าว 

FETCO วอนคลัง แยกวงเงินลดหย่อน LTF-RMF

อย่างไรก็ตามในปัจจุบัน พบว่า เม็ดเงินต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยนั้น ส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนระยะสั้น แต่ไทยยังขาดนักลงทุนระยะยาว ซึ่งเป็นไปตามภาวะตลาด โดยมองว่า ไทยยังขาดนักลงทุนในระยะยาว ดังนั้นจึงต้องเร่งหาข้อสรุปให้แล้วเสร็จโดยเร็ว