บจ.ไทยกำไรวูบ 15.4% เซ่นพิษเศรษฐกิจซบ

27 พ.ย. 2562 | 12:21 น.

 

ตลท.เผยบจ.ไทย กำไรสุทธิ 9 เดือนแรกปี 2562 อยู่ที่ 645,647 ล้านบาท ลดลง 15.4% ด้านยอดขายรวม 8.62 ล้านล้านบาท ลดลง 1.3% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน เป็นผลจากเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยชะลอตัว

นายแมนพงศ์ เสนาณรงค์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า บริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลท. จำนวน 693 หลักทรัพย์ หรือคิดเป็น 97.1% จากทั้งหมด 714 หลักทรัพย์ (ไม่รวมกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน บริษัทในกลุ่มที่เข้าข่ายอาจถูกเพิกถอน หรือ NC และบริษัทที่แก้ไขการดำเนินงานไม่ได้ตามกำหนด หรือ NPG) นำส่งผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกปี 2562 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2562 พบว่าหลักทรัพย์ที่รายงานผลกำไรสุทธิมีจำนวน 527 หลักทรัพย์ คิดเป็น 76.0% ของหลักทรัพย์จดทะเบียนที่นำส่งงบการเงินทั้งหมด

อย่างไรก็ตาม ผลการดำเนินงานในงวด 9 เดือนแรกปี 2562 หลักทรัพย์จดทะเบียนมียอดขายรวม 8,623,725 ล้านบาท ลดลง 1.3% โดยมีกำไรจากการดำเนินงานหลัก (core operating profit) 660,734 ล้านบาท ลดลง 24.6% และมีกำไรสุทธิ 645,647 ล้านบาท ลดลง 15.4% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน

บจ.ไทยกำไรวูบ 15.4% เซ่นพิษเศรษฐกิจซบ

ขณะที่ ผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/2562 บจ.มียอดขายรวม 2,850,489 ล้านบาท ลดลง 6.1% มีกำไรจากการดำเนินงานหลัก 203,654 ล้านบาท ลดลง 28.9% และมีกำไรสุทธิ 201,347 ล้านบาท ลดลง 18.3% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน

 

บจ.ไทยได้รับผลกระทบรอบด้าน ทั้งปัญหาสงครามการค้า ปัญหาเศรษฐกิจโลกชะลอตัวที่ส่งผลกระทบต่ออัตราแลกเปลี่ยนและราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม เมื่อประกอบกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจไทย ทำให้ยอดขายในไตรมาส 3 หดตัวแรงขึ้นและมีการแข่งขันทางธุรกิจสูงขึ้นต่อเนื่อง กระทบต่อกำไรจากการดำเนินงานหลักและกำไรสุทธิปรับลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยบจ.ไทยมีอัตรากำไรจากการดำเนินงาน (core operation profit margin) ลดลงมาอยู่ที่ 7.7% เทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อนที่ 10.0% ขณะที่อัตรากำไรสุทธิ (net profit margin) ลดลงมาอยู่ที่ 7.0% เทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อนที่ 8.2%นายแมนพงศ์ กล่าว

สำหรับฐานะการเงินของกิจการ ณ สิ้นไตรมาส 3/2562 บจ.ไทยมีการใช้หนี้สินเพิ่มขึ้น ทำให้อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (ไม่รวมอุตสาหกรรมการเงิน) ปรับขึ้นมาอยู่ที่ 1.37 เท่า จากช่วงเดียวกันในปีก่อนที่ 1.28 เท่า

อย่างไรก็ดี หมวดธุรกิจที่มีผลการดำเนินงานเติบโตได้ดี คือ หมวดเงินทุนและหลักทรัพย์ ซึ่งเติบโตจากการขยายสินเชื่อส่วนบุคคล หมวดอาหารและเครื่องดื่มที่ได้ผลบวกจากกลุ่มอาหารสด เครื่องดื่ม และการขยายตลาดไปกลุ่มประเทศ CLMV รวมถึง หมวดสินค้าอุปโภคบริโภคซึ่งยอดขายและกำไรสุทธิปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากไตรมาส 2/2562

ด้านผลการดำเนินงานของบจ.ในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) มียอดขายรวม 139,597 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.4% มีกำไรจากการดำเนินงาน 4,710 ล้านบาท ลดลง 19.2% อย่างไรก็ดี หากรวมผลของรายการพิเศษในกลุ่มทรัพยากร ส่งผลให้ภาพรวมมีกำไรสุทธิ 8,663 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 69.0% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน