SPCGแจงQ3กำไร2.1พันล้านเพิ่ม2.6%

22 พ.ย. 2562 | 09:09 น.

SPCG แจงผลประกอบการ Q3 / 62 รายได้แกร่งสวนกระแสเศรษฐกิจโลกถดถอย กวาดรายได้รวม 3,794 ล้านบาท กำไรสุทธิ 2,168 ล้านบาท เพิ่ม 2.6 % จากงวดเดียวกันปีก่อน เผยเมกะโปรเจ็กต์โซลาร์ฟาร์มญี่ปุ่นคืบหน้าตามแผน 

 

ดร.วันดี  กุญชรยาคง จุลเจริญ  ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) หรือ “SPCG” เผยถึงผลประกอบการไตรมาสที่ 3/2562   มีผลการดำเนินงานงวด 9 เดือน สิ้นสุด ณ วันที่ 30 กันยายน 2562 มีรายได้รวม จำนวน 3,794 ล้านบาท ลดลง 11 % จากงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีรายได้รวม 4,275 ล้านบาท และบริษัทมีกำไรสุทธิรวมจำนวน 2,168 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันในปีก่อน ซึ่งมีกำไรสุทธิรวมจำนวน 2,112 ล้านบาท โดยเพิ่มขึ้น 56 ล้านบาท หรือคิดเป็น 2.6%

SPCGแจงQ3กำไร2.1พันล้านเพิ่ม2.6%

บริษัทฯยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลักจากธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์หรือ โซลาร์ฟาร์ม ทั้ง 36 โครงการ  รวมกำลังการผลิตกว่า 260 เมกะวัตต์ ที่ในปี 2562 นี้ จำนวนกระแสไฟฟ้าที่ผลิตและจำหน่ายได้จากทั้ง 36 โครงการ มีจำนวน 289.4 ล้านหน่วย ซึ่งเพิ่มขึ้น 3% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา

ส่วนของรายได้ที่ลดลงเป็นผลอันเนื่องมาจากบริษัท โซลาร์ เพาเวอร์ รูฟ จำกัด หรือ“SPR” บริษัทในเครือ SPCG  ผู้นำด้านการออกแบบและติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (Solar Power Roof System)   มีรายได้ที่ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อน เหตุผลอันเนื่องมาจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจโลก บวกกับลูกค้ากลุ่มบ้านพักอาศัยบางส่วนยังรอความชัดเจนในนโยบายของภาครัฐภายใต้โครงการโซลาร์ภาคประชาชน ส่งผลให้ลูกค้าชะลอการลงทุนไปในช่วงปลายปีนี้ถึงต้นปีหน้า และเพื่อเป็นการผลักดันยอดขาย บริษัทได้มีการเปลี่ยนแผนการตลาดและกลยุทธ์ในการขาย เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน และทางเลือกให้กับลูกค้ามากยิ่งขึ้น    ขณะที่ลูกค้าในกลุ่มอาคารพาณิชย์ และ กลุ่มโรงงานอุตสาหกรรม ยังคงให้การตอบรับเป็นอย่างดี เพราะเมื่อลูกค้าติดตั้งระบบโซลาร์รูฟแล้ว ต่างเห็นผลลัพธ์ที่ดี สามารถลดค่าไฟได้ทันทีเมื่อติดตั้ง  อีกทั้งยังช่วยลดต้นทุนการดำเนินงาน ทำให้กิจการของลูกค้ามีกำไรเพิ่มขึ้น 

SPCGแจงQ3กำไร2.1พันล้านเพิ่ม2.6%

ส่วนความคืบหน้าของโครงการความร่วมมือด้านการพัฒนาโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา  (Solar Roof)  ร่วมกับ 3 บริษัท ได้แก่ บริษัท Mitsubishi UFJ Lease & Finance Company Limitedหรือ MUL, บริษัท พีอีเอ เอ็นคอม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัดหรือ PEA ENCOM และ บริษัท KYOCERA Corporation, Japan หรือ KYOCERA ปัจจุบันได้จัดตั้งบริษัทเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในช่วงเดือน พฤศจิกายน- ธันวาคม 2562 โดยตั้งเป้าในการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (Solar Roof)  ให้กับกลุ่มลูกค้าโรงงานอุตสาหกรรม ภายในสิ้นปี 2563 กำลังการผลิตรวม 100 เมกะวัตต์

SPCGแจงQ3กำไร2.1พันล้านเพิ่ม2.6%

ดร.วันดีกล่าวต่อว่าในส่วนของโครงการโซลาร์ฟาร์ม Ukujima ประเทศญี่ปุ่น  ขนาดกำลังการผลิต 469 เมกะวัตต์   ที่เป็นการร่วมทุนของ 8 บริษัท ได้แก่ Kyocera Corporation, Kyudenko Corporation, Mizuho Bank, SPCG Pubic Company Limited, Tokyo Century Corporation, Furukawa Electric Company Limited, Tsuboi Corporation และ The Eighteenth Bank Limited งบการลงทุนประมาณ 60,000 ล้านบาท ช่วงนี้อยู่ระหว่างการยื่นเอกสารสำคัญต่างๆ  และจะเข้าสู่ขั้นตอนการก่อสร้างต่อไป คาดว่าจะเริ่มดำเนินการจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD)ได้ในช่วงกลางปี พ.ศ. 2566