สภาพัฒน์ชี้ รายได้ต่อหัวคนไทยลด 1,680 บาทต่อปี
สภาพัฒน์แจงจีดีพีไตรมาส 3 โต 2.4% 9 เดือนโต 2.5%% คาดทั้งปีแตะ2.6% ปรับลดจากประมาณการเดิม 2.7-3.2% ชี้รายได้ต่อหัวต่อคนก.ย.อยู่ที่ 248,406.5 บาทต่อปี ลดลง 1,680 บาทต่อปีจากเดือนส.ค.อยู่ที่ 250,086.5 บาทต่อปี แต่เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2561 อยู่ที่ 240,568.7 บาทต่อปี
นายทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการ คณะกรรมการสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.)หรือสภาพัฒน์เปิดเผยว่า ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ(จีดีพี)ไตรมาส 3 ปี 2562 เติบโต 2.4 % ขยายตัวเล็กน้อยเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนที่ขยายตัว 2.3% และเมื่อปรับผลของฤดูกาลออกแล้ว เศรษฐกิจไทยไตรมาส3 ขยายตัว 0.1% จากไตรมาส 2 และเมื่อรวม 9 เดือนแรกของปี 2562 จีดีพีเติบโต 2.5% และคาดว่าทั้งปี จีดีพีจะขยายตัว 2.6% ลดลงจากประมาณการเดิมที่คาดว่าจะขยายตัว 2.7-3.2% ด้วยมูลค่าจีดีพีที่ 16.88 ล้านล้านบาท ทำให้รายได้ต่อหัวต่อคนเท่ากับ 248,406.5 บาทต่อปี ลดลงจากเดือนสิงหาคมอยู่ที่ 250,086.5 บาทต่อปีเพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2561 อยู่ที่ 240,568.7 บาทต่อปี
"อัตราจีดีพีทั้งปีนี้ที่ 2.6% นั้นบนสมมติฐานทางการต้องมีมาตรการมากระตุ้นพร้อมกันทั้ง 4 ปัจจัยไม่ว่าจะเป็นการลงทุน การบริโภค การเบิกจ่ายของรัฐและขับเคลื่อนการส่งออกทั้งรายประเทศและรายสินค้า แต่สศช.อยากเห็นจีดีพีทั้งปีนี้โตที่ 3.0%"
นายวิชญายุทธ บุญชิต รองเลขาธิการ สศช.กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ จีดีพีจะต้องขยายตัวไม่ต่ำกว่า 2.8% จึงจะทำให้ทั้งปีจีดีพีเติบโตได้ที่ระดับ 2.6% ส่วนปี2563 สศช.ประมาณการณ์จีดีพีจะขยายตัวที่ 2.7-3.7% โดยมีค่ากลางอยู่ที่ 3.2%
สำหรับเศรษฐกิจไทยปี 2562 ที่คาดว่า จะขยายตัว 2.6% ภายใต้สมมุติฐานมูลค่าการส่งออกสินค้าจะลดลง 2.0% การบริโภคภาคเอกชนและการลงทุนรวม ขยายตัว 4.3% และ 2.7% ตามลำดับ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยอยู่ที่ 0.8% และบัญชีเดินสะพัดเกินดุล 6.2% ของ GDP
“การบริหารนโยบายเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปี 2562 และปี 2563 ควรให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนการส่งออกให้สามารถขยายตัวได้ไม่ต่ำกว่า 3.0% การขับเคลื่อนภาคการท่องเที่ยวให้สามารถขยายตัวและสนับสนุนเศรษฐกิจในภาพรวมได้อย่างต่อเนื่อง โดยเจาะตลาดกลุ่มนักท่องเที่ยวรายได้สูง การกระจายตลาดนักท่องเที่ยวให้มีความสมดุลมากขึ้น การรักษาแรงขับเคลื่อนการขยายตัวทางเศรษฐกิจจากการใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐ การสร้างความเชื่อมั่นและสนับสนุนการขยายตัวของการลงทุนภาคเอกชนและการดูแลเกษตรกร กำลังแรงงาน ผู้มีรายได้น้อย วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และเศรษฐกิจฐานราก”
ส่วนแนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 2563 คาดว่าจะขยายตัว 2.7– 3.7 โดยมีแรงสนับสนุนสำคัญจาก แนวโน้มการขยายตัวในเกณฑ์ที่น่าพอใจของอุปสงค์ภายในประเทศทั้งการใช้จ่ายภาคครัวเรือนและการลงทุนภาครัฐและเอกชน การส่งออกภายใต้แนวโน้มการปรับตัวดีขึ้นอย่างช้าๆ ของเศรษฐกิจโลกและการปรับตัวของภาคการส่งออกต่อมาตรการกีดกันทางการค้าที่จะมีความชัดเจนมากขึ้น การดำเนินมาตรการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของภาครัฐ และการปรับตัวดีขึ้นของภาคการท่องเที่ยว โดยคาดว่ามูลค่าการส่งออกสินค้าจะขยายตัว 2.3% การบริโภคภาคเอกชน และการลงทุนรวมขยายตัว 3.7% และ 4.8% ตามลำดับ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยอยู่ในช่วง 0.5– 1.5% และบัญชีเดินสะพัดเกินดุล 5.6% ของ GDP
