ตลท.แขวน SP “เพซ” เหตุผู้สอบบัญชีไม่ให้ความเห็นงบ Q3/62

15 พ.ย. 2562 | 04:18 น.

รายงานข่าวจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ตลท.ได้ขึ้นเครื่องหมาย SP และ NP กับ บมจ.เพซ ดีเวลลอปเมนท์ คอร์ปอเรชั่น หรือ PACE  ที่ให้เหตุผลผู้สอบบัญชีไม่ให้ข้อสรุปต่องบการเงินของบริษัทสิ้นสุดวันที่30ก.ย. 2562 ซึ่งสำนักงาน ก.ล.ต.อาจสั่งการให้บริษัทแก้ไขงบการเงินได้ โดย เพซ มีส่วนของผู้ถือหุ้นน้อยกว่า 50% ของทุนชำระแล้ว ดังนั้นหลักทรัพย์ของบริษัทถูกขึ้นเครื่องหมายC จึงจะต้องซื้อด้วยบัญชี Cash Balance ตั้งแต่วันที่ขึ้นเครื่องหมายเป็นต้นไป จนกว่าจะแก้เหตุดังกล่าวได้

นายสรพจน์ เตชะไกรศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เพชดีเวลลอปเมนท์ คอร์ปอเรชั่น  แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า ผู้สอบบัญชีไม่ให้ข้อสรุปต่อข้อมูลทางการงินระหว่างกาลจาการสอบทาน เนื่องจากบริษัทและบริษัทย่อย ได้รับหนังสือบอกกล่าวการผิดนัดชำระหนี้จากธนาคาร และอยู่หว่างการดำเนินการปรึกษาและเจรจากับทางธนาคาร และการประเมินการด้อยค่าของสินทรัพย์ของกลุ่มบริษัทที่อาจได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ในปัจจุบัน

ทั้งนี้ กลุ่มบริษัทมีผลขาดทุนจากการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง ณ วันที่ 30 ก.ย.62 กลุ่มบริษัทมีหนี้สินหมุนเวียนรวมสูงกว่าสินทรัพย์หมุนเวียนรวม 7,858 ล้านบาท และมีขาดทุนสะสมรวม 11,492 ล้านบาท โดยหนี้สินหมุนเวียนดังกล่าวรวมถึงเจ้าหนี้เงินกู้ยืมจากธนาคารแห่งหนึ่ง จำนวน 10,458 ล้านบาท ซึ่งในระหว่างเดือนตุลาคม 2562 กลุ่มบริษัทได้ร้หนังสือบอกกล่าวให้ชำระหนี้จากธนาคารหลายฉบับ โดยธนาคารบอกกล่าวการผิดนัดชำระหนี้ตามสัญญาสินเชื่อหลายสัญญาและระงับการให้วงเงินและให้กลุ่มบริษัทชำระหนี้ที่ถึงกำหนดชำระ รวมถึงหนี้ใดๆที่เกิดขึ้นภายใต้สัญญาสินเชื่อทั้งหมดรวมจำนวน 2,697 ล้านบาท ภายใน 15 วันนับจากวันที่ที่บริษัทฯและบริษัทย่อยได้รับหนังสือบอกกล่าวให้ชำระหนี้ ซึ่งตรงกับวันที่ 4 พ.ย.62

ต่อมากลุ่มบริษัทได้รับหนังสือแจ้งกรณีผิดนัด และให้บริษัทฯและบริษัทย่อยชำระหนี้จากธนาคารเพิ่มเติมอีกหลายฉบับ ซึ่งระบุว่าเนื่องจากเหตุผิดนัดชำระหนี้ข้างต้นถือเป็นสาระสำคัญและให้ถือเป็นเหตุผิดนัดผิดสัญญาตามข้อสัญญา cross defaultตามสัญญาสินเชื่อหลายฉบับ ทางธนาคารจึงเรียกให้บริษัทฯและบริษัทย่อยชำระหนี้ให้แก่ธนาคารก่อนครบ กำหนดรวมจำนวน 34 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเทียบเท่า 1,039 ล้านบาท ภายใน 5 วันนับจากวันที่ของหนังสือธนาคาร และจำนวน 6,782 ล้านบาท ภายใน 30 วันนับจากวันที่ของหนังสือธนาคาร ซึ่งตรงกับวันที่ 4 พ.ย.62 และ 20 พ.ย.62 ตามลำดับ

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการได้รับหนังสือบอกกล่าวการผิดนัดชำระหนี้ข้างต้นส่งผลต่อการเจรจากับคู่ค้าทางธุรกิจ ฝ่ายบริหารจึงได้ทำการทดสอบการด้อยค่าของสินทรัพย์ดังกล่าว โดยใช้ประมาณการที่ดีที่สุดภายต้ข้อสมมติฐานบนสถานการณ์ปกติและได้ผลสรุปว่ายังไม่จำเป็นต้องบันทึกขาดทุนจากการด้อยค่าเพิ่มเติมไว้ในงบกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จรวมสำหรับงวดสามเดือนและเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2562 ทั้งนี้ มูลค่าที่คาดว่าจะได้รับคืนของกลุ่มสินทรัพย์ดังกล่าวอาจได้รับผลกระทบ

จากความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจซึ่งยังคงมีความไม่แน่นอนอยู่อย่างมากในสถานการณ์ปัจจุบัน เช่น ความสำเร็จในการเจรจาขอผ่อนผันและขยายระยะเวลาการชำระหนี้ ความสำเร็จในการเจรจากับคู่ค้าทางธุรกิจ การเปลี่ยนแปลงของสภาพเศรษฐกิจและสภาวะตลาด เป็นต้น ดังนั้น มูลค่าที่คาคว่จะได้รับคืนของกลุ่มสินทรัพย์ดังกล่าวอาจไม่แน่นอนขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการและสถานการณ์อื่นในอนาคตปัจจัยเหล่านี้แสดงถึงความไม่แน่นอนที่มีสาระสำคัญหลายประการซึ่งอาจเป็นเหตุให้เกิดข้อสงสัยอย่างมีนัยสำคัญอย่างมาก