ดัชนีดาวโจนส์ปิดเมื่อคืนนี้ ( 13 พ.ย. )พลิกดีดตัวขึ้นจากช่วงแรกที่ปรับตัวในกรอบแคบ ขานรับถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่แสดงความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มเศรษฐกิจของสหรัฐ และแรงหนุนจากราคาหุ้นดิสนีย์ที่ทะยานขึ้นกว่า 7%
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 27,783.59 จุด เพิ่มขึ้น 92.10 จุด หรือ +0.33% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,094.04 จุด เพิ่มขึ้น 2.20 จุด หรือ +0.07% ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,482.10 จุด ลดลง 3.99 จุด หรือ -0.05%
ดัชนีดาวโจนส์ดีดตัวขึ้น หลังจากนายพาวเวลกล่าวแถลงการณ์ว่าด้วยภาวะเศรษฐกิจสหรัฐต่อคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจร่วมของสภาคองเกรสเมื่อวานนี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะมีการขยายตัวที่ยั่งยืนโดยได้รับแรงหนุนจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด นอกจากนี้นายพาวเวลยังส่งสัญญาณว่าเฟดจะตรึงอัตราดอกเบี้ยต่อไป ตราบใดที่ข้อมูลซึ่งได้รับมานั้นยังคงสอดคล้องกับมุมมองของเฟดที่ว่า เศรษฐกิจจะมีการขยายตัวปานกลาง, ตลาดแรงงานมีความแข็งแกร่ง และอัตราเงินเฟ้ออยู่ใกล้เป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้แรงหนุนจากหุ้นดิสนีย์ ซึ่งเป็นหนึ่งใน 30 หลักทรัพย์ที่ใช้คำนวณดัชนีดาวโจนส์นั้น ปิดตลาดทะยานขึ้น 7.3% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดผู้ลงทะเบียนรับบริการ Disney+ พุ่งขึ้นทะลุ 10 ล้านรายนับตั้งแต่ที่เริ่มเปิดให้บริการเมื่อวันพุธที่ผ่านมา โดย Disney+ เป็นบริการสตรีมมิ่งที่ดิสนีย์หวังนำมาชนกับบริษัทเน็ตฟลิกซ์
อย่างไรก็ดีนักลงทุนยังคงกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การค้าระหว่างสหรัฐและจีน ซึ่งทั้งสองฝ่ายยังไม่สามารถสรุปข้อตกลงในการเจรจาการค้าเฟสแรก ขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวว่า สหรัฐจะเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีน หากสหรัฐไม่สามารถบรรลุข้อตกลงการค้ากับจีน