‘เพซ’ตัดขายหุ้นบริษัทลูก ปลดหนี้ 1.51 พันล้าน 

09 พ.ย. 2562 | 08:58 น.

“เพซ” ตัดขายหุ้นบริษัทย่อย "วาย แอล พี" ให้ “บรุ๊คเคอร์” และ “เอ็มซีแอล พร็อพเพอร์ตี้” มูลค่ารวมกว่า 348.57 ล้านบาท ปลดภาระหนี้บริษัทกว่า 1.51 พันล้านบาท ด้านบรุ๊คเคอร์ กรุ๊ป เผยเหตุซื้อYLPมองศักยภาพโครงการวินด์ เชลล์ นราธิวาส ค่ากว่า 2.8 พันล้านบาทพัฒนาใกล้เสร็จแล้ว   

นายสรพจน์ เตชะไกรศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเพซ ดีเวลลอปเมนท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PACE แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) ว่า ตามที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 6 พ.ย. 2562 มีมติให้บริษัทจำหน่ายหุ้นสามัญทั้งหมดใน บริษัท วาย แอล พี จำกัด (YLP) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทในราคา 348.57 ล้านบาท ให้กับ บริษัท บรุ๊คเคอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BROOK และ บริษัท เอ็มซีแอล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ซึ่งไม่เป็นบุคคลที่เกี่ยวโยงกับบริษัท

การขายหุ้นดังกล่าวเนื่องจากบริษัท เพซ ฟู้ด รีเทล จำกัด (PFR) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่บริษัทถือหุ้น 100% ได้ทำสัญญาเงินกู้กับผู้ซื้อ โดยมีบริษัทเป็นผู้คำประกันด้วยการจำนำหุ้นสามัญที่บริษัทถืออยู่ใน YLP ซึ่ง ณ วันที่ 6 พ.ย.2562 ทาง PFR มีหนี้สินคงค้างที่เป็นเงินต้นและดอกเบี้ยค้างรับกับผู้ซื้อรวมเป็นเงิน 348.57 ล้านบาท บริษัทจึงมีความประสงค์จำหน่ายหุ้นดังกล่าวในราคา 348.57 ล้านบาท เพื่อชำระหนี้สินและดอกเบี้ยที่ PFR มีกับผู้ซื้อ

สำหรับการขายหุ้น YLP ดังกล่าว เป็นการขายออกมารวมทั้งสิ้น 1,699,998 หุ้น ราคาเฉลี่ยหุ้นละ 205.04 บาท รวมมูลค่า 348.57 ล้านบาท แบ่งเป็น ขายให้กับ BROOK จำนวน 1,257,999 หุ้น ราคาหุ้นละ 203.69 บาท รวมเป็นเงิน 256.24 ล้านบาท และขายให้กับ “เอ็ม ซี แอล พร็อพเพอร์ตี้” จำนวน 441,999 หุ้น ราคาหุ้นละ 208.88 บาท รวมเป็นเงิน 92.32 ล้านบาท

ทั้งนี้ราคาประเมินของมูลค่าหุ้นสามัญ คือ  347.49 ล้านบาท ซึ่งเป็นมูลค่าเฉลี่ยของมูลค่ายุติธรรมที่ประเมินโดยที่ปรึกษาทางการเงินซึ่งอยู่ระหว่าง 321.47 ล้านบาท ถึง 373.51 ล้านบาท

การขายหุ้นดังกล่าว ทำให้บริษัทสามารถลดหนี้สินจากการจำหน่ายเงินลงทุนแบ่งเป็นหนี้สินของ PFR ที่มีอยู่กับผู้ซื้อจำนวน 348.56 ล้านบาท หนี้สินของ YLP ที่มีอยู่กับธนาคารกสิกรไทย จำนวน 686.18 ล้านบาท หนี้สินอื่นๆ 478.55 ล้านบาท คิดเป็นหนี้สินรวมที่บริษัทลดภาระได้ 1,513.30 ล้านบาท โดยบริษัทจะรับรู้กำไรจากการขายหุ้นดังกล่าวรวม 34.73 ล้านบาท

ทั้งนี้คณะกรรมการบริษัทฯเห็นว่า เนื่องจากบริษัทมีภาระหนี้สินดังกล่าวเมื่อพิจารณาจากมูลค่ายุติธรรมที่ประเมินโดยที่ปรึกษาทางการเงินเปรียบเทียบกับมูลค่าตามบัญชีแล้ว เห็นว่า ราคาหุ้นสามัญที่จำหน่ายนั้นเป็นราคาเหมาะสม รวมถึงการจำหน่ายเงินลงทุนใน YLP จนทำให้ YLP สิ้นสภาพการเป็นบริษัทย่อย ทำให้บริษัทลดภาระหนี้สินโดยรวมได้อย่างมาก จึงอนุมัติให้จำหน่ายหุ้นสามัญของ YLP ที่บริษัทถืออยู่ 100% ออกไป ซึ่งเป็นมูลค่าที่ไม่ต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี

นายสรพจน์ ระบุอีกว่าการขายหุ้น YLP เป็นส่วนหนึ่งของการปรับโครงสร้างทางการเงิน บริษัทยังคงมีกิจการที่ยังเหลืออยู่ทั้งในส่วนของการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ คือ โครงการนิมิต หลังสวน โครงการมหาสมุทร และส่วนของธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ภายใต้แบรนด์ ดีน แอนด์ เดลูก้า ซึ่งบริษัทกำลังดำเนินการอย่างเร่งด่วนเพื่อพัฒนาโครงการให้แล้วเสร็จ

ก่อนหน้านี้ PACE แจ้งตลท.ขอขยายเวลาชำนะหนี้ธนาคารไทยพาณิชย์ ( SCB ) ที่ครบกำหนดวันที่ 4 พ.ย. 2562 ไปเป็นวันที่ 20 พ.ย. 2562 ส่วนหนี้หุ้นกู้มูลหนี้ 1,219 ล้านบาท บริษัทได้จัดประชุมผู้ถือหุ้นกู้เมื่อวันที่ 6 พ.ย. 2562 และได้อนุมัติการแก้ไขวันครบกำหนดการไถ่ถอนหุ้นกู้ออกไปอีก 3 ปี จากเดิมครบกำหนดในวันที่ 23 ก.พ.2563 เป็นครบกำหนดวันที่ 23 ก.พ.2566 โดยผู้ออกหุ้นกู้สามารถไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนกำหนดไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมด พร้อมกันนี้ได้อนุมัติการแก้ไขอัตราดอกเบี้ย จากอัตราดอกเบี้ยคงที่ 6.5% เป็น 3% เริ่มตั้งแต่ 23 พ.ค.63 โดยผู้ออกหุ้นกู้จะชำระดอกเบี้ยส่วนต่าง 3.5% ของทุกๆงวดเมื่อมีการไถ่ถอนหุ้นกู้

ทางด้านบริษัท บรุ๊คเคอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BROOK ระบุว่า คณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติให้บริษัทเข้าซื้อหุ้นบริษัท วาย แอล พี จำกัด (YLP )จำนวน 1,267,999 หุ้น คิดเป็น  74%  รวมมูลค่าที่ชำระ 256.24 ล้านบาท  เนื่องจากบริษัทเห็นว่าโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ อาคารชุดที่  YLP กำลังพัฒนาโครงการวินด์ เชลล์ นราธิวาส 28 ชั้น มีศักยภาพและใกล้แล้วเสร็จ โดยมีมูลค่าโครงการ 2,800 ล้านบาท จำนวนทั้งสิ้น 36 ยูนิต

ปัจจุบันมีการจองไปแล้ว  8 ยูนิตและยังมีที่โอนไปแล้วอีก 4 ยูนิต  ดังนั้นทางบริษัทฯ ได้มีการเจรจาต่อรองกับกลุ่ม PACE และได้ให้เงินกู้แก่ บริษัทเพซ ฟู้ด รีเทล จำกัด ( PFR )เพิ่มเติมในวันที่ 5 ต.ค. 2562 ที่ผ่านมาอีก 50 ล้านบาท โดยการใช้หุ้น YLP ตามสัญญาเงินกู้ 300 ล้านบาท เป็นหลักประกันและได้เพิ่มเติมในสัญญาดังกล่าวมีความครอบคลุมถึงเงินจำนวนใหม่นี้ด้วย