หวั่นเปิดช่องลงทุนหุ้นตปท.  ดาบ 2 คมคุมยาก  เสี่ยงฟอกเงิน

10 พ.ย. 2562 | 05:35 น.

นักวิเคราะห์มองมาตรการสนับสนุนเงินทุนไหลออกลงทุนหุ้นต่างประเทศไม่จูงใจ หวั่นเป็นดาบ 2 คม คุมยาก-เสี่ยงฟอกเงิน ชี้นักลงทุนซื้อหุ้นต่างประเทศส่วนใหญ่เป็นกลุ่มมั่งคั่ง ชี้พักเงินไม่ช่วยบจ. เหตุต้องใช้เงินหมุนเวียนกิจการ

นายจิติพล พฤกษาเมธานันท์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินและตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) (KTB) เปิดเผยว่า มาตรการสนับสนุนเงินทุนเคลื่อนย้าย เช่น การเพิ่มวงเงินไม่เกิน 200,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 6 ล้านบาท เพื่อลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศ หรือการขยายวงเงินรวม 150,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ที่ให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (...) จัดสรรการลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศ ยังตอบโจทย์จำนวนคนไม่มาก เพราะยังมีการใช้วงเงินเดิมไม่เต็มที่ โดยวงเงินเดิมกำหนดไว้ที่ 100,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ พบว่าเงินที่ออกไปลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศจริงๆ อยู่ที่ประมาณ 60,000 ดอลลาร์สหรัฐฯเท่านั้น ดังนั้นการเพิ่ม วงเงินจึงไม่ตอบโจทย์ ประกอบกับจำนวนบุคคลที่มีกำลังตามที่กำหนดน่าจะไม่มากนัก

ทั้งนี้ มองว่านักลงทุนยังสนใจเงินบาท เพราะเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย (Safe Haven) แม้อัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ในระดับ 1.25% ต่อปี โดยสะท้อนภาวะเศรษฐกิจค่อนข้างแผ่วและส่งสัญญาณเงินเฟ้อมีแนวโน้มตํ่า แต่อัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับตํ่า อาจทำให้เกิดการแสวงหาผลตอบแทนในสินทรัพย์เสี่ยง (Search for Yield) ซึ่งเป็นสิ่งที่ธปท.แสดงความเป็นห่วงมาอย่างต่อเนื่อง

หวั่นเปิดช่องลงทุนหุ้นตปท.  ดาบ 2 คมคุมยาก  เสี่ยงฟอกเงิน

จิติพล พฤกษาเมธานันท์

นายนริศ สถาผลเดชา หัวหน้าศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีเอ็มบี ธนาคาร ทหารไทย จำกัด (มหาชน) (TMB) เปิดเผยกับฐานเศรษฐกิจว่า มาตรการลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศโดยไม่ต้องผ่านตัวกลาง และมาตรการโอนเงินไปต่างประเทศไม่เกิน 200,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ไม่ต้องแสดงหลักฐานนั้น มองว่า เป็นมาตรการที่เป็นดาบ 2 คม จะต้องระมัดระวัง เพราะควบคุมได้ยากขึ้น เนื่องจากอาจเสี่ยงต่อการฟอกเงินหรือทำธุรกรรมที่มีความเสี่ยง

 

อย่างไรก็ตาม 4 มาตรการ ทำให้ดุลบัญชีเดินสะพัดมีโอกาสปรับลดลงเล็กน้อย จากเดือนกันยายนเกินดุลอยู่ที่ 1,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หลังจากนี้อาจจะเห็นการเกินดุลลดลงเหลือ 700-800 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เนื่องจากการลงทุนขนาดใหญ่มีเพิ่มขึ้น ทั้งส่วนโครงการรถไฟฟ้า ท่าเรือแหลมฉบัง ซึ่งจะมีการนำเข้าเครื่องจักรอุปกรณ์มากขึ้น

นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า มาตรการผ่อนคลายเงินทุนไหลออกของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในส่วนที่ให้นักลงทุนรายย่อยสามารถออกไปลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศได้เองนั้น มองว่าอาจจะทำให้เงินลงทุนของนักลงทุนรายย่อยในประเทศลดลงบ้าง แต่ไม่มากนัก เพราะมาตรการดังกล่าวไม่มีความจูงใจ เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่ที่ลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศจะเป็นกลุ่มมั่งคั่ง ที่มีเงินมากและอยากกระจายความเสี่ยงไปลงทุนหุ้นต่างประเทศ

 

ขณะที่ การที่จะอนุโลมการโอนเงินและพักเงินต่างประเทศก่อนนั้น มองว่าไม่มีส่วนช่วยในบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ขนาดกลางหรือเล็ก เพราะหากไม่ใหญ่จริง จะมีปัญหาเรื่องเงินทุนหมุนเวียนที่จำเป็นต้องใช้ในกิจการ ซึ่งบจ.ต้องการที่จะแปลงเงินเพื่อกลับมาใช้ดำเนินธุรกิจ จึงเป็นเรื่องยากที่จะมีการพักเงินไว้ในต่างประเทศ แม้จะมีมาตรการผ่อนคลายก็ตาม

อย่างไรก็ตาม หากมาตรการดังกล่าวของธปท.ได้ผลและทำให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าได้ จะเป็นผลบวกต่อกลุ่มส่งออก แต่คาดว่าจะเป็นค่าการอ่อนค่าระยะสั้นเท่านั้น เพราะปัญหาแท้จริงของการแข็งค่ามาจากโครงสร้างที่ไทยเกินดุลการค้า ทั้งนี้ ต้องระวังการซื้อขายเก็งกำไรในกลุ่มส่งออกที่อาจจะรุนแรง รวมถึงกลุ่มโรงไฟฟ้าที่ก่อนหน้านี้ได้ประโยชน์จากค่าเงินที่แข็งค่า ซึ่งอาจจะมีแรงขายทำกำไรก่อนประกาศผลประกอบการ

หน้า 17-18 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับที่ 3,521 วันที่ 10-13 พฤศจิกายน 2562

                        หวั่นเปิดช่องลงทุนหุ้นตปท.  ดาบ 2 คมคุมยาก  เสี่ยงฟอกเงิน