กรุงศรีฯเตือน ศก.ปี 63 เปราะบาง

07 พ.ย. 2562 | 10:40 น.

นายสมประวิณ มันประเสริฐ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายวิจัย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)เปิดเผยว่า แนวโน้มเศรษฐกิจปี 2563 จะมีความเปราะบางมากขึ้น แม้แง่ตัวเลขมองว่า จะขยายตัวได้เกิน 3% จากประมาณการเดิมที่มองว่าจะขยายตัว 3.5% โดยมาจาก 2 ส่วนสำคัญคือ 1.ความเสี่ยงจากเศรษฐกิจทั้งภายในและภายนอกประเทศ และ 2.เครื่องมือกระตุ้นเศรษฐกิจมีจำกัดมากขึ้น เนื่องจากธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ลดอัตราดอกเบี้ยลงแล้ว 2 ครั้ง ทำให้ความสามารถดำเนินนโยบายลดลงหรือ Policy Space น้อยลง ดังนั้นหากเกิดความไม่แน่นอนหรือช็อคเกิดขึ้น เช่น สงครามการค้าระหว่างประเทศหรือสถานการณ์ในตะวันออกกลางรุนแรงขึ้น จะเป็นความเสี่ยต่อระบบเศรษฐกิจไทย

กรุงศรีฯเตือน ศก.ปี 63 เปราะบาง

ดังนั้น การดำเนินนโยบายจะต้องมีทั้งนโยบายการเงินและนโยบายการคลังผสมผสานกัน รวมถึงเปลี่ยนรูปแบบการทำนโยบายจากเชิงปริมาณ เช่น การใช้เยอะๆ และลดดอกเบี้ย ซึ่งที่ผ่านมาไม่ค่อยได้ผล หันมาทำนโยบายแบบคุณภาพ คือ การกระตุ้นเศรษฐกิจไปในกลุ่มที่ถูกต้องและเหมาะสม เหมือนประเทศยุโรปและจีน เช่น ต้องการ กระตุ้นคนใช้เงิน ก็กระตุ้นในกลุ่มที่ต้องการใช้เงิน หรือต้องการลดดอกเบี้ยช่วยคนขาดสภาพคล่องเน้นในกลุ่มธุรกิจที่ขาดสภาพคล่องและธุรกิจยังไปได้ดี ชะลอกลุ่มที่เก็งกำไร ซึ่งนโยบายเชิงคุณภาพที่ยุโปรและจีนทำค่อนข้างได้ผล
 

อย่างไรก็ดี การปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% จาก 1.50% เหลือ 1.25% เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม เพราะเศรษฐกิจมีแนวโน้มชะลอตัวลงทั่วโลก ซึ่งนโยบายการคลังสามารถดำเนินได้ 2 มิติ ทั้งในส่วนของมาตรการกระตุ้นการใช้จ่าย และมาตรการทางภาษี เช่น การลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ซึ่งเป็นมาตรการประคองเศรษฐกิจมากกว่ากระตุ้นเศรษฐกิจ 

กรุงศรีฯเตือน ศก.ปี 63 เปราะบาง

“เศรษฐกิจปี 63 จะมีความเปราะบาง มากขึ้น เดิมเรามองจะขยายตัวได้ 3.5% แต่จะมีการรีวิวอีกครั้งคาดว่าจะขยายตัวได้ราว 3% เพราะไส้ในแรงขับเคลื่อนแผ่วลงมาก ทั้งการลงทุนภาครัฐที่ยังไม่มาส่วนหนึ่งมาจากงบประมาณที่ล่าช้า แต่คาดว่าจะกลับมาได้ในไตรมาสที่ 2 ปีหน้า ส่วนปีนี้มองไว้น่าจะขยายตัวได้ราว 2.9% จากต้นปีที่วางไว้ 3.8% ซึ่งเป็นไปตามภาวะโดยรวม”
 

 

นายสมประวิณ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับ 4 มาตรการที่ธปท.ออกมาเพื่อผ่อนคลายดูแลเงินทุนเคลื่อนย้าย มองว่า เป็นเรื่องที่ดี เนื่องจากทำพร้อมกับการลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งจะมีนัยสำคัญมากกว่าการทำนโยบายแยกกัน ประกอบกับธปท.มีการสื่อสารออกมาควบคู่กัน ซึ่งทำให้ตลาดได้รับรู้ ขณะที่ผลจากมาตรการนั้นอาจทำให้เงินบาทไม่แข็งค่าเร็วเหมือนช่วงที่ผ่านมา และดุลบัญชีเดินสะพัดลดลงได้ แต่สุดท้ายอาจจะต้องกลับมาดูที่โครงสร้าง เช่น ประเทศไทยยังคงเป็นหลุมหลบภัย (Safe Haven)

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

สศค. ยิ้มรับ ธปท.ลดดอกเบี้ยดี

ไทยพาณิชย์ นำร่อง ลดดอกฝาก-กู้ 0.25%

มาแว้ววว ดีเดย์ 11.11 ออมสินลดดอกกู้ 0.125%

 


กรุงศรีฯเตือน ศก.ปี 63 เปราะบาง