SCG โลจิสติกส์โต 3หมื่นล้าน ลุยเออีซีสิ้นปีนี้ตั้งที่เวียดนาม

20 มี.ค. 2559 | 08:30 น.
เอสซีจี โลจิสติกส์ ตั้งเป้ารายได้ 5 ปีแตะ 3หมื่นล้านบาท จากเป้าปีนี้ 1.78 หมื่นล้านบาท พร้อมลุยขยายตลาดเออีซีมั่นใจรายได้ต่างประเทศเพิ่มจากปัจจุบัน 500 ล้านบาท เป็น 5 พันล้านบาทในปี 2563 ล่าสุดอยู่ระหว่างจัดตั้งบริษัทในเวียดนามและอินโดนีเซียจะแล้วเสร็จภายในปีนี้

นายสยามรัฐ สุทธานุกูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอสซีจี โลจิสติกส์ แมเนจเมนท์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ 5 ปี (2559-2563) เติบโตขึ้นเป็น 3 หมื่นล้านบาท ในปี 2563 เทียบกับปีนี้ที่คาดว่าจะมีรายได้อยู่ที่ 1.78 หมื่นล้านบาท โดยสัดส่วนรายได้ในตลาดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(เออีซี) จะเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วรายได้อยู่ที่ 500 ล้านบาท เพิ่มเป็น 5 พันล้านบาท และรายได้จากการจัดตั้งหน่วยบริการนำเข้า-ส่งออกแบบครบวงจร (International Logistics Service) ที่คาดว่าจะเติบโตจาก 1.2 พันล้านบาท เป็น 5 พันล้านบาทในปี 2563 ส่วนที่เหลือจะมาจากการเติบโตของรายได้จากธุรกิจในประเทศ

โดยในปีนี้บริษัทอยู่ระหว่างจัดตั้งบริษัทในประเทศเวียดนาม และอินโดนีเซีย ซึ่งจะแล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้ จากปัจจุบันจัดตั้งบริษัทแล้วที่ สปป.ลาว กัมพูชา เมียนมา และจีนตอนใต้ ซึ่งปีนี้จะรับรู้รายได้จากการขยายตลาดในเออีซีประมาณ 1.1 พันล้านบาท มาจากการรับรู้รายได้จากบริษัทในกัมพูชา 680 ล้านบาท,เมียนมา 300 ล้านบาท และส่วนที่เหลือจะมาจากลาว แต่ในส่วนของลาวจะรับรู้รายได้เต็มปีในปี 2560 เนื่องจากโรงงานปูนซีเมนต์จะแล้วเสร็จในปลายปีนี้

"กลยุทธ์หลักของบริษัทคือการขยายตลาดลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ การเพิ่มบริการที่ครบวงจรมากขึ้น เช่น การขนส่งสินค้าในต่างประเทศ แทนที่จะตีรถเที่ยวเปล่ากลับมาก็จะมีพันธมิตรเพื่อขนสินค้าพืชผลทางการเกษตร อาทิ ข้าว น้ำตาล และสินค้าพลังงานด้วย ซึ่งในตลาดเออีซีมีการเติบโตอย่างมาก ซึ่งพบว่ารายได้จากตลาดในประเทศ(ส่วนใหญ่จะอยู่ในกลุ่มเอสซีจี)เติบโต 14% และเออีซีเติบโต 77% จากปีก่อน ดังนั้นยังเป็นโอกาสที่บริษัทจะเข้าไปขยายธุรกิจในตลาดเออีซี เนื่องจากเป็นตลาดที่มีประชากรจำนวนมาก และมี พื้นที่ขนาดใหญ่กว่าประเทศไทย" นายสยามรัฐ กล่าว

สำหรับเป้ารายได้ปี 2559 บริษัทคาดว่าจะอยู่ที่ 1.78 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 18% จากปีก่อนที่ 1.5 หมื่นล้านบาท โดยสาเหตุมาจากการขยายตลาดเออีซี โดยสัดส่วนรายได้จะมาจากธุรกิจในกลุ่มเอสซีจี 85% ,นอกกลุ่มเอสซีจี 11% และในตลาดต่างประเทศ 4% อย่างไรก็ตาม ภายหลังบริษัทเปิดตัวบริการ Next Day Nationwide ไปเมื่อปี 2558 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าเรื่องความรวดเร็วในการขนส่งสินค้า และลดปัญหาความยุ่งยากที่ต้องติดต่อผู้ให้บริการหลายราย ช่วยสนับสนุนธุรกิจที่มีความต้องการส่งสินค้าจำนวนน้อยแต่เร่งด่วน ให้จัดส่งถึงที่หมายทั่วประเทศภายในวันรุ่งขึ้น ทำให้ลดต้นทุนสินค้าคงคลังและไม่สูญเสียโอกาสทางการขาย

โดยในปีนี้บริษัทจะพัฒนากลยุทธ์อย่างต่อเนื่องด้วยการเชื่อมโยงระบบโลจิสติกส์ไปยังภูมิภาค และยกระดับให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์แห่งภูมิภาคอาเซียน

ส่วนเงินลงทุนในแต่ละปี บริษัทใช้งบประมาณ 400 ล้านบาท อาทิ การซื้อเรือและลงทุนคลังสินค้าเพิ่มเติม โดยในปีนี้ใช้เงินลงทุนด้านเทคโนโลยี 400 ล้านบาท นำเทคโนโลยีระดับโลกจาก ORACLE มาใช้สร้างระบบเชื่อมโยงข้อมูลการขนส่งระหว่างประเทศ มีโปรแกรมตรวจสอบให้เป็นไปตามกฎหมายและข้อตกลงระหว่างประเทศ

นายสยามรัฐ กล่าวอีกว่า สำหรับโครงการคลังสินค้าที่ภาคใต้ บริษัทคงชะลออกไปก่อน จากแผนเดิมที่คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ภายในปีนี้ เนื่องจากพบว่าตลาดภาคใต้ไม่เติบโตอย่างที่คิด จึงตัดสินใจชะลอโครงการออกไปก่อน โดยยืนยันว่าไม่ล้มโครงการอย่างแน่นอน หากพบว่ามีการเติบโตของตลาดก็จะเร่งลงทุนทันที เนื่องจากอยู่ในแผนลงทุนแล้ว

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,140 วันที่ 17 - 19 มีนาคม พ.ศ. 2559