ปตท.ผลักดันแลนด์บริดจ์ ใช้สำรองน้ำมันของประเทศ

12 ก.พ. 2559 | 04:00 น.
เทวินทร์" หนุนสำรองน้ำมันทางยุทธศาสตร์แบบยืดหยุ่น เล็งใช้คลังน้ำมันว่างเก็บสำรอง พร้อมปัดฝุ่นโครงการแลนด์บริดจ์ ดัน ปตท.สผ.เร่งลงทุนแหล่งปิโตรเลียมเพิ่ม ขณะที่แผนปิดซ่อมแหล่งก๊าซเมียนมาไม่กระทบไฟฟ้า-เอ็นจีวีฝั่งตะวันตก

นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากราคาน้ำมันดิบที่ทรงตัวในระดับต่ำในขณะนี้นั้น ได้มีข้อถกเถียงถึงแผนสำรองน้ำมันทางยุทธศาสตร์ของประเทศไทย ซึ่งได้มีการหยิบยกขึ้นมาหารือ 2 แนวทาง ได้แก่ การซื้อขายน้ำมันควรเป็นไปอย่างเสรี เนื่องจากสามารถจัดหาได้ทั่วโลก จึงไม่มีความจำเป็นต้องสำรองน้ำมันไว้จำนวนมาก และ2.เรื่องความมั่นคงด้านพลังงาน เพราะไทยต้องนำเข้าน้ำมัน 80% ของยอดใช้ทั้งหมด ทำให้จำเป็นต้องสำรองน้ำมันทางยุทธศาสตร์เพิ่มขึ้น โดยการซื้อน้ำมันในช่วงราคาต่ำมาเก็บสำรองไว้ ในฐานะที่ปตท.เป็นบริษัทน้ำมันแห่งชาติฯ มองว่าแผนสำรองน้ำมันดังกล่าวสามารถดำเนินการได้ แต่ควรอยู่ในลักษณะเป็นแบบมีความยืดหยุ่น

โดยแนวทางแรกนั้น การสำรองน้ำมันสามารถที่จะใช้คลังที่ก่อสร้างแล้ว ซึ่งปัจจุบันไม่ได้ใช้งาน เนื่องจากไม่มีจุดเชื่อมต่อท่อ ดังนั้นจะต้องมีการลงทุนเพื่อทำจุดเชื่อมต่อเพื่อซื้อน้ำมันมาเก็บไว้ในคลังดังกล่าว แนวทางที่ 2 คือ ทบทวนโครงการสะพานเศรษฐกิจเชื่อมโยงทะเลอันดามันและอ่าวไทย(โครงการแลนด์บริดจ์) โดยนำน้ำมันจากประเทศตะวันออกกลาง มาสำรองในไทยฝั่งทะเลอันดามัน และส่งออกไปจำหน่ายผ่านฝั่งทะเลอ่าวไทย ซึ่งที่ผ่านมาประเทศแถบตะวันออกกลางก็แสดงความสนใจโครงการดังกล่าวเช่นกัน เนื่องจากสามารถเก็บน้ำมันไว้จำหน่ายให้ประเทศแถบประเทศเอเชียได้

ขณะที่แนวทางที่ 3 คือการสนับสนุนให้บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) (ปตท.สผ.) เข้าลงทุนในแหล่งปิโตรเลียมในต่างประเทศ ซึ่งเท่ากับเป็นการสำรองน้ำมันใต้ดินเอาไว้ หากจำเป็นต้องใช้ก็สามารถผลิตขึ้นมาได้ทันที อย่างไรก็ตามในการลงทุนดังกล่าวอาจให้ ปตท.สผ. ลงทุน หรือให้ ปตท.เป็นผู้ลงทุนก็ได้ หรือภาครัฐจะเข้ามาร่วมลงทุนเพื่อเป็นเจ้าของน้ำมันส่วนหนึ่งก็ได้ ทั้งนี้การสำรองน้ำมันทำได้หลากหลายรูปแบบซึ่งขึ้นกับความเหมาะสมของประเทศไทย

"ปัจจุบันความเห็นเรื่องการสำรองน้ำมันเพิ่มในประเทศ ยังเป็นความเห็นที่แตกต่างกันอยู่ โดยบางกลุ่มเห็นว่าการซื้อขายน้ำมันถือเป็นตลาดเสรีแล้ว หากไทยขาดแคลนน้ำมันสามารถหาซื้อได้จากประเทศต่างๆ ประกอบกับไทยไม่ได้อยู่ในภาวะความเสี่ยงด้านสงคราม จึงไม่จำเป็นต้องซื้อน้ำมันมาสำรองเก็บไว้ แต่บางกลุ่มก็เห็นว่าจำเป็นต้องสำรองน้ำมันไว้เพื่อความมั่นคงด้านพลังงาน ขณะนี้ภาครัฐกำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาความเหมาะสมต่อไป"นายเทวินทร์ กล่าว

สำหรับกรณีการปิดซ่อมแหล่งก๊าซธรรมชาติในเมียนมาในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2559 ยืนยันว่าจะไม่ประสบปัญหาขาดแคลน เนื่องจากมีแผนบริหารจัดการรองรับไว้แล้ว ดังนั้นในมุมของไฟฟ้าจะไม่มีปัญหาแน่นอน ส่วนการบริหารจัดการก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์(เอ็นจีวี) ทางฝั่งตะวันตกมีปัญหาก็สามารถดึงก๊าซจากส่วนอื่นมาทดแทนได้

นายเทวินทร์ กล่าวอีกว่า ส่วนการดำเนินโครงการประชารัฐนั้น ทางสถานีบริการน้ำมัน ปตท. ได้ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) ,สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(สสว.) ,ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย(ธพว.) และกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย(พช.) ลงนามในบันทึกความร่วมมือ โครงการจัดตั้งศูนย์บริการข้อมูลข่าวสารการท่องเที่ยวและจำหน่ายสินค้าท้องถิ่นทั่วประเทศในพื้นที่สถานีบริการน้ำมัน ปตท. ภายใต้ชื่อ ประชารัฐสุขใจ Shop เพื่อส่งเสริมสินค้าพื้นบ้านและการท่องเที่ยวในท้องถิ่น โดย ททท. จะเป็นผู้สนับสนุนด้านงบประมาณในการจัดตั้งร้านประชารัฐสุขใจ Shop ทั้ง 148 ร้านทั่วประเทศ และดูแลเรื่องการโฆษณาประชาสัมพันธ์ให้รู้จักในวงกว้าง

ขณะที่ สสว. และกรมการพัฒนาชุมชน จะช่วยกันคัดเลือกสินค้าเด่นจากผลิตภัณฑ์ OTOP และสินค้าจากวิสาหกิจชุมชนในจังหวัดนั้นๆ ซึ่งปัจจุบันได้มีการจัดเกรดสินค้า โดยเกรด A ถึง B จะส่งไปวางขายในร้านค้าประชารัฐ นอกจากนี้ พช. จะร่วมกับ สสว. ในการคัดเลือกผู้เข้าร่วมโครงการ รวมถึงคัดสรรผลิตภัณฑ์ที่แสดงถึงอัตลักษณ์ของแต่ละจังหวัด เพื่อเป็นจุดขาย "ถ้าอยากได้สินค้าที่เป็นของดีจังหวัดไหน ให้เดินเข้าไปในร้านประชารัฐสุขใจ Shop ของจังหวัดนั้น"

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,130 วันที่ 11 - 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559