ระวังทิ้งตราสารหนี้ ฉุดผลตอบแทนดิ่ง

30 ก.ค. 2560 | 05:00 น.
นักเศรษฐศาสตร์เตือนเลี่ยงลงทุนตราสารหนี้ประเทศพัฒนาแล้ว หลังคาดเฟดเริ่มลดงบดุลธันวาคมนี้ทำให้มีแรงเทขายพันธบัตร

หลังธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)มีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ 1.00-1.25% นายเชาว์ เก่งชน กรรมการผู้จัดการศูนย์วิจัยกสิกรไทยกล่าวว่า มองไปข้างหน้าดอลลาร์สหรัฐฯ มีแนวโน้มจะอ่อนค่า แม้ที่ผ่านมาจะอ่อนค่าตํ่าสุดในรอบ 13 เดือนทำให้ราคาทองคำปรับสูงขึ้นในรอบ 6 สัปดาห์ โดยมาจาก2 ปัจจัยกดดัน คือ สัญญาณลดงบดุลของเฟดในเดือนกันยายน และปัจจัยการเมืองที่ยังคาดการณ์ไม่ได้

“ตลาดคาดเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยในธันวาคม นอกจากจะลดขนาดงบดุลในกันยายนแล้วและตลาดยังจับตาว่าจะยืนตัวเลขประมาณการเศรษฐกิจในเดือนเดียวกัน ขณะที่ถ้อยแถลงล่าสุดเฟดเปิดช่องให้คนตีความว่าจะดำเนินการลดงบดุลในไม่ช้า สะท้อนเฟดยังแทงกั๊ก จึงกดดันดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนค่า”

ค่าเงินบาทวันที่ 27 กรกฎาคม 2560 เคลื่อนไหวที่33.33 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯแข็งค่าสุดในรอบ 26 เดือน หลังเฟดคงดอกเบี้ย

นายจิติพล พฤกษาเมธานันท์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่าโอกาสที่เฟดจะลดงบดุลแทนการขึ้นดอกเบี้ยในเดือนธันวาคมมีมากขึ้น

“3-4 เดือนหลังจากนี้นักลงทุนตราสารหนี้ควรทยอยลดความเสี่ยงโดยเฉพาะตราสารหนี้ประเทศที่พัฒนาแล้ว นอกจากราคาสูงขึ้น ผลตอบแทนทุกช่วงอายุลดลง ช่วงที่เฟดลดงบดุล ต้องระวังอีกว่าราคานํ้ามันปรับขึ้นหรือไม่ เพราะอาจมีการขายพันธบัตรซื้อนํ้ามันเพื่อทำกำไร”

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,283
วันที่ 30 กรกฎาคม - 2 สิงหาคม พ.ศ. 2560