‘ประเดช’ เปิดใจเคลียร์ร่วมปั้น WEH เข้าตลาดหุ้นปี 61-ไม่สนคดีพิพาท

28 ก.ค. 2560 | 02:30 น.
เสี่ยรายใหญ่ “ประเดช” โดดร่วมวง KPN เร่งปั้นวินด์เอนเนอร์ยี่ เข้าตลาดหุ้นไตรมาส 2 ปี 2561 เจรจาซื้อหุ้นเพิ่มสัดส่วนเข้าบริหาร มั่นใจแบงก์ไทยพาณิชย์หนุนสินเชื่อเดินหน้า 5 โครงการ ขนาด 450 เมกะวัตต์

นายประเดช กิตติอิสรานนท์ ประธานกรรมการบริษัท ดีดีมาร์ทฯ และผู้ถือหุ้นอันดับ 2 ของบริษัท ซุปเปอร์บล๊อกฯ (SUPER) เปิดใจกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ได้รับการชักชวนจากนายณพ ณรงค์เดช ผู้ถือหุ้นใหญ่ เคพีเอ็น โฮลดิ้งส์ ให้เข้ามาช่วยให้บริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้งฯ (WEH) ซึ่งเป็นผู้ผลิตไฟฟ้าโครงการลมรายใหญ่ของประเทศไทย ประสบความสำเร็จและเข้าตลาดหลัก ทรัพย์ฯได้ โดยนายประเดช จะเข้ามาเป็นกรรมการบริษัท ร่วมกับนายวิชัย ทองแตง ทนายความชื่อดังที่เป็นประธานบริษัทขณะนี้ เนื่องจากเห็นว่านายประเดช มีความรู้และชำนาญการบริหารจัดการธุรกิจโรงไฟฟ้าเป็นอย่างดี

นายประเดช กล่าวว่า ไม่เพียงแค่การร่วมบริหาร แต่นายประเดช ต้องการถือหุ้นให้มีสัด ส่วนใหญ่ขึ้นอีก 10% จากเดิมที่ถืออยู่ 25% ของทุนจดทะเบียนวินด์ รวมถือหุ้นประมาณ 35% โดยมีจุดมุ่งหมายเข้าทำงานในวินด์ และการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งหุ้นที่ต้องการซื้อเพิ่มอยู่ระหว่างการรวบรวมติดต่อขอซื้อจากนักลงทุน

นักลงทุนรายใหญ่ กล่าวว่า วินด์มีแผนชัดเจนแล้วที่จะเดินหน้าเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งจะยื่นข้อมูลเสนอขายหุ้น (ไฟลิ่ง) ปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า และคาดว่าเสนอขายหุ้นให้นักลงทุนครั้งแรก (IPO) ภายในเดือนมีนาคม 2561 โดยยืนยันและมีความมั่นใจสูงว่า วินด์ เข้าตลาดหุ้นได้แน่นอน แม้ว่านายนพพร ศุภพิพัฒน์ อดีตผู้ถือหุ้นใหญ่ รีนิวเอเบิล เอนเนอยี่ คอร์ปอเรชั่น หรือ REC (ชื่อใหม่ เคพีเอ็น เอนเนอยี่ ไทยแลนด์ (KPNET) ฟ้องร้องนายณพ ณรงค์เดช เรียกหุ้น REC คืน ซึ่งนายนพพร ถือหุ้น REC สัดส่วน 100% และเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ วินด์ 60% เนื่องจากเป็นคดีความฟ้องร้องในชั้นของผู้ถือหุ้น REC ซึ่งมีเงื่อนไขสัญญาชัดเจนว่า ผู้ถือหุ้นเดิมไม่มีสิทธิเอาหุ้นคืน แต่เป็นเงื่อนไขการชำระเงิน พร้อมค่าปรับ 15% หากผิดสัญญา ซึ่งผู้ซื้อพร้อมชำระเงินและค่าปรับ

[caption id="attachment_185059" align="aligncenter" width="285"] ‘ประเดช’ เปิดใจเคลียร์ร่วมปั้นWEHเข้าตลาดหุ้นปี61-ไม่สนคดีพิพาท ‘ประเดช’ เปิดใจเคลียร์ร่วมปั้นWEHเข้าตลาดหุ้นปี61-ไม่สนคดีพิพาท[/caption]

สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าของวินด์ ที่เหลืออีก 5 โครงการ ขนาดรวม 450 เมกะวัตต์ ที่ด่านขุนทดและห้วยบง จังหวัดนครราชสีมา อยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้างทั้งหมด 5 โครงการ มีความต้องการใช้เงินสำหรับก่อสร้างโครงการ 3.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งเชื่อว่าสถาบันการเงินจะให้การสนับสนุนสินเชื่อโครงการหลังจากที่สถาบันการเงิน เชื่อมั่นว่านายประเดช สามารถผลักดันให้โครงการทั้ง 5 ที่เหลือสำเร็จ

ปัจจุบันโครงการของวินด์ ที่จ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) แล้ว ทั้งหมด 267 เมกะวัตต์ มีรายได้เดือนละ 180-200 ล้านบาท ประกอบด้วยโครงการโรงไฟฟ้าห้วยบง 2 โครงการ โครงการ ละ 103.5 เมกะวัตต์ และโครงการวัดตะแบก 60 เมกะวัตต์

“ผมไม่สนใจผู้ถือหุ้น REC ทะเลาะกัน ในเมื่อสัญญาเอาหุ้นคืนไม่ได้ ปัญหาของวินด์คือ ต้องการคนมาช่วย

ซึ่งผมเป็นห่วงโครงการที่เหลืออีก 5 โครงการที่ไม่สำเร็จ สัญญาขายไฟฟ้า (PPA) จะหมดตั้งแต่กลางปี 2561 จึงต้องเข้ามาช่วยเพื่อให้โครงการเดินหน้า เป็นการช่วยผู้ถือหุ้นวินด์ทุกคนด้วย เพราะถ้าโครงการสำเร็จครบหมด เป็นผลดีกับรายย่อย และวินด์จะเป็นบริษัทที่มีกำไรจากการขายไฟฟ้าปีละ 7 พันล้านบาท” นายประเดช กล่าวและว่า ยังถือหุ้นใหญ่ในบริษัท ซุปเปอร์บล๊อกฯ (SUPER) สัดส่วน 12% ไม่ได้มีปัญหาใดๆ กับนายจอมทรัพย์ โลจายะ ส่วนหุ้นที่ขายออกมาบ้าง เนื่องจากใช้สินเชื่อบางส่วนลงทุน และนำเงินมาลงทุนวินด์เพิ่มโดยมีเป้าหมายชัดเจน ในการลงทุนหุ้นที่มีอัตราการเติบโตสูง, ผลตอบแทนขั้นตํ่า 100%, ลงทุนระยะยาวไม่น้อยกว่า 3 ปี และมีแผนนำบริษัท RSS ซึ่งเป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้างโรงไฟฟ้าของตนเองเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯในอีก 2 ปีข้างหน้า

ขณะที่ทนายความของนายนพพร ศุภพิพัฒน์ อดีตผู้ถือหุ้นใหญ่ WEH ว่า ขณะนี้อนุญาโตตุลาการได้ชี้ขาดคดีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อยู่ระหว่างตรวจสอบความถูกต้องของเอกสารอย่างเป็นทางการ ระหว่างนี้การกระทำใดๆ ของคู่กรณี ไม่ว่าการนำเงินที่ได้จากการขายหุ้น หรือขายโครงการมาจ่ายให้นายนพพร จะไม่มีผลในการเปลี่ยนแปลงคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการ ดังนั้น นักลงทุนหรือใครก็ตาม ที่เข้าดำเนินการใดๆ กับ WEH จำเป็นต้องรอผลจนกว่าคำชี้ขาดจะออกมาอย่างเป็นทางการเสียก่อน

ขณะที่สถาบันการเงินที่เคยปล่อยกู้ให้กับโครงการพัฒนาพลังงาน กล่าวว่า จะไม่อนุมัติสินเชื่อโครงการของ WEH ได้ จนกว่ามีความชัดเจนเกี่ยวกับโครงสร้างความเป็นเจ้าของของ WEH ก่อน

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,282 วันที่ 27 - 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2560