‘เอคิว’ฉลุยPPรอบสองรับ1.9พันล.

19 ก.ค. 2560 | 09:47 น.
เอกชนเฮโลเพิ่มทุนจดทะเบียน นำไปขยายการลงทุนสร้างความแข็งแกร่งทางธุรกิจ “เอคิว” แนวโน้มสดใส ขาย PP ล็อต 2 “วัธนเวคิน-สิงคโปร์” ลงทุนพันล้าน

ในช่วงนี้มีบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์หลายแห่ง ประกาศเพิ่มทุนจดทะเบียน และยอมขายในราคาตํ่ากว่าตลาด อาทิ บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด(มหาชน) หรือ S เสนอขายนักลงทุนเฉพาะเจาะจง(พีพี)จำนวน 1,664 ล้านบาท บริษัท ศรีตรังแอโกรอินดัสทรีฯ (STA) เสนอขายผู้ถือหุ้นเดิม มูลค่า 2,560 ล้านบาท บริษัท ทีดับบลิวแซด คอร์ปอเรชั่นฯ (TWZ)ขายผู้ถือหุ้นเดิมประมาณ 445 ล้านบาท และบริษัท เอคิว เอสเตท จำกัด (มหาชน)หรือ AQ เสนอขายพีพีจำนวน 2 ล็อต รวม 3,632 ล้านบาท จากก่อนหน้านี้ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF ประกาศขายหุ้นให้กับผู้ถือหุ้นเดิมประมาณ 38,714 ล้านบาท รวมเป็นเงินทิ้งสิ้น 47,015 ล้านบาท

OH20160317_3

นายเมธี วินิชบุตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน)


นายเมธี วินิชบุตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ S เปิดเผยว่า บริษัทได้เสนอขายหุ้นเพิ่มทุน จำนวน 400 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 4.16 บาท มูลค่ารวม 1,664 ล้านบาท ผ่านตัวแทนที่เป็นสถาบันการเงินระหว่างประเทศ เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2560 ราคาล่าสุดปิดที่ 4.32 บาท โดยผู้ลงทุนที่ได้รับการจัดสรรจำนวน 3 ราย ได้แก่ เครดิตสวิส (สิงคโปร์) ,บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) บัวหลวงฯ และบลจ.วรรณฯ เหตุผลที่จัดสรรหุ้นให้กันนักลงทุนสถาบัน หรือเป็นผู้ลงทุนที่มีฐานะการเงินมั่นคง เพราะสามารถลงทุนได้ระยะปานกลางถึงยาวได้

aq0703 บริษัทจัดสรรหุ้นให้บริษัทเครดิตสวิสฯ 150 ล้านหุ้น มูลค่ารวม 624 ล้านบาท กองทุนภายใต้การจัดการของบลจ.บัวหลวงฯ จำนวน 110 กองทุน จำนวน 220 ล้านหุ้น มูลค่ารวม 915.20 ล้านบาท และกองทุนภายใต้การจัดการของบลจ.วรรณ จำนวน 123 กองทุน จำนวน 30 ล้านหุ้น มูลค่ารวม 124.80 ล้านบาท

นายกิติชัย สินเจริญกุล กรรมการ บริษัทศรีตรังแอโกร อินดัสทรีฯ(STA)เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริษัทอนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 1,536 ล้านบาท โดยออกหุ้นใหม่จำนวน 256 ล้านหุ้น เสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม สัดส่วน 5 ต่อ 1 ในราคา หุ้นละ 10 บาท คาดว่าจะได้เงินประมาณ 2,560 ล้านบาท ส่วนแผนการใช้เงิน ในไตรมาส 4 บริษัทจะคืนเงินกู้บางส่วนที่กู้มาซื้อหุ้นบริษัท ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย)ฯ จำนวน 1,500 ล้านบาท ชำระคืนหนี้ระยะสั้น สถาบันการเงิน จำนวน 500 ล้านบาท ขยายกำลังการผลิตผลิตภัณฑ์ยางธรรมชาติในประเทศอินโดนีเซียและประเทศไทย จำนวน 410 ล้านบาท ส่วนไตรมาส 1/2561 ลงทุนในบริษัทย่อยที่ดำเนินธุรกิจจัดจำหน่ายถุงมือยางทางการแพทย์ในประเทศต่างๆ เช่น สหรัฐอเมริกา สาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นต้น ใช้เงินจำนวน 150 ล้านบาท

“เงินที่ได้จากการเพิ่มทุนจะสร้างความแข็งแกร่งทางธุรกิจ รองรับการเติบโตโดยการขยายกำลังการผลิต อีกทั้งยังเสริมสร้างความแข็งแกร่งในโครงสร้างทางการเงินให้มีสัดส่วนหนี้และทุนที่เหมาะสม และลดภาระดอกเบี้ยด้วย” นายกิติชัยกล่าว

ด้านนางปิยะนุช รังคสิริ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ทีดับบลิวแซด คอร์ปอเรชั่น (TWZ) เปิดเผยว่า บริษัทเสนอขายหุ้นเพิ่มทุน 1,781,916,535 หุ้น ให้ผู้ถือหุ้นเดิม 7 ต่อ 2 ราคาหุ้นละ 0.25 บาท เงินที่ระดมทุนได้ประมาณ 445.47 ล้านบาท จะนำไปใช้ลงทุนในโครงการโซลาร์ของสหกรณ์ระยะที่ 2 จำนวน 2 โครงการ โครงการละ 5 เมกะวัตต์ เป็นเงิน 200 ล้านบาทจากวงเงินลงทุนทั้งหมด ประมาณ 450 ล้านบาท โดยการกู้ 70% เท่ากับ 315 ล้านบาท บริษัทต้องลงทุน 135 ล้านบาท และซื้อหุ้นบริษัทที่ได้สิทธิโครงการโซลาร์ 2 บริษัท ประมาณ 60 ล้านบาท รวมถึงการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับพลังงานทางเลือก 200 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณา 2-3 โครงการ

“บริษัทมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับการสนับสนุนจากผู้ถือหุ้น เพราะที่ผ่านมาบริษัท มีพัฒนาการอย่างมีนัยสำคัญในการขยายธุรกิจ ทั้งธุรกิจหลัก และการขยายไปสู่ธุรกิจที่สร้างผลตอบแทนอย่างมั่นคงและสมํ่าเสมอ ได้แก่ ธุรกิจพลังงานทดแทน รวมถึงพัฒนาอสังหาริมทรัพย์”นางปิยะนุชกล่าว

บริษัท เอคิว เอสเตท จำกัด(มหาชน) หรือ AQ ประสบความสำเร็จในการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้กับนักลงทุนเฉพาะเจาะจง(พีพี) จำนวน 2 ล็อต ล็อตแรกระดมเงินได้ จำนวน 1,707 ล้านบาทและล็อตที่ 2 อีกจำนวน 1,925 ล้านบาท ทั้งนี้นักลงทุนที่จองซื้อหุ้นมีทั้งนักลงทุนไทยและนิติบุคคลต่างประเทศ เช่น Zico Allshores Trust(S) Pte,Ltd.จองซื้อ 1.7 หมื่นล้านหุ้น มูลค่า 850 ล้านบาท นางจิรฐา วัธนเวคิน 3,900 ล้านหุ้นเป็นเงิน 195 ล้านบาท

ส่วนบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหารฯ ที่ประกาศขาย 1,548,588,386 หุ้นให้กับผู้ถือหุ้นเดิม 5 ต่อ 1 ในราคาหุ้นละ 25 บาท รวมเป็นเงินประมาณ 38,714 ล้านบาท เปิดจองวันที่ 24-31 กรกฎาคม 2560 นั้น ปรากฏว่าราคาหุ้นในตลาดขยับขึ้นมาสูงกว่าราคาเสนอขายแล้ว วันที่ 18 กรกฎาคมปิดที่ 25.25 บาท

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,280 วันที่ 20 - 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2560