กองทุนมองไตรมาส 2 หุ้นซึม ตลาดไร้ปัจจัยใหม่หนุน ดัชนีแกว่ง1,550-1,600จุด

05 เม.ย. 2560 | 10:00 น.
บลจ.แมนูไลฟ์-เอ็มเอฟซีฯ ประเมินหุ้นไทยไตรมาส 2 แกว่งแคบแนะจับจังหวะลงทุน เชียร์หุ้นแบงก์-พลังงาน ยังเด่น

นางสาวจินตนา เมฆินทรางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายตราสารทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) แมนูไลฟ์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในไตรมาส 2 มองดัชนีแกว่งตัวในกรอบแคบๆ ระหว่าง 1,550-1,600 จุดและไม่น่าผ่านแนวต้าน 1,620 จุด หากตลาดไม่มีปัจจัยบวกใหม่ๆ เข้ามาสนับสนุนการลงทุนโดยยังคงเป้าหมายดัชนีปีนี้ที่ระดับ 1,650 จุด คาดการณ์กำไรบริษัทจดทะเบียนเติบโต 10%

“ปกติไตรมาส 2 ตลาดจะซึมและเป็นช่วงที่มีวันหยุดเยอะ นักลงทุนอาจต้องจับจังหวะลงทุน เนื่องจากตลาดไม่ได้ขึ้นหรือลงขาเดียว แต่จะค่อยๆ ขยับ กลยุทธ์การลงทุนจึงเน้นเลือกหุ้นรายตัว หากมั่นใจหุ้นที่ถือว่าดีหรือเป็นหุ้นใหญ่อาจถือระยะยาวได้ ส่วนหุ้นเล็กมีโอกาสทำรอบได้มากขึ้น ราคาแกว่งสูง”นางสาวจินตนา กล่าว

สำหรับปัจจัยต่างประเทศ มองว่าตลาดเริ่มคลายกังวลกรณีประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรป (อียู) จะถอนตัวออกจากกลุ่ม เนื่องจากผู้นำของประเทศที่เป็นข่าวมาก่อนหน้านี้เริ่มมีคะแนนความนิยมลดลง เช่น ฝรั่งเศส จึงมองกระแสอียูคงซาลง โดยตลาดยังจับตานโยบายของนายโดนัลด์ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดยเฉพาะกฎหมายปฏิรูปด้านภาษี หลังจากกฎหมายด้านสุขภาพไม่ผ่านสภาส่งผลให้เงินทุนต่างชาติเริ่มไหลกลับเข้ามาตลาดหุ้นเกิดใหม่ รวมถึงหุ้นไทย ส่งผลให้ค่าเงินบาทแข็ง

นางสาวจินตนา กล่าวว่า กลุ่มหุ้นที่น่าสนใจ ได้แก่ กลุ่ม ธนาคารพาณิชย์ พลังงาน พาณิชย์และรับเหมาก่อสร้าง โดยกลุ่มธนาคารพาณิชย์ราคาหุ้นน่าสนใจมากขึ้น เนื่องจากการลงทุนภาครัฐเริ่มเห็นชัดเจน แม้เงินลงทุนโดยตรงของภาคเอกชนยังไม่มาก แต่บางบริษัทเริ่มขยายการลงทุน รวมทั้งมองว่าบริษัทที่ได้งานจากโครงการภาครัฐเริ่มขอสินเชื่อหมุนเวียนมากขึ้นและแนวโน้มน่าจะมีสินเชื่อใหม่เพิ่ม หลังการออกตั๋วบี/อีของบริษัทเอกชนยากขึ้นหลังเกิดปัญหาผิดนัดชำระหนี้ ส่วหนี้ที่ไม่ก่อให้กิดรายได้ (หนี้เสีย) คาดว่าจะสูงสุดในปลายปีนี้ จากเดิมมองปลายปีที่ผ่านมา เนื่องจากธุรกิจเอสเอ็มอียังไม่แข็งแรง

ส่วนกลุ่มพลังงานแนวโน้มยังดี คาดว่าราคาน้ำมันแกว่งตัวในกรอบ 50-60 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล รวมทั้งหุ้นพลังงานทดแทนน่าจะได้รับความสนใจมากขึ้นหลังจากปัญหาสร้างบนพื้นที่สปก.เริ่มคลี่คลายลงแต่การลงทุนต้องเลือกรายบริษัท ส่วนหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง จะเคลื่อนไหวเป็นรอบๆ โดยเฉพาะช่วงที่มีข่าวการประมูล จึงอาจรอราคาย่อตัวและขายก่อนเปิดประมูลหรือโครงการเข้าครม.

สำหรับนักลงทุนที่ไม่มีเวลาติดตามการลงทุนด้วยตัวเอง บลจ.แมนูไลฟ์ แนะนำกองทุนเปิด แมนูไลฟ์ สเตร็งค์ คอร์ อิควิตี้ (MS-CORE EQ) และกองทุนเปิด แมนูไลฟ์ สเตร็งค์ อิควิตี้ ปันผล (MS-EQ DIV) มีนโยบายลงทุนในหุ้น โดยทั้งสองกองทุนลงทุนในหุ้นเหมือนกัน ต่างกันที่กองทุน MS-CORE EQ ไม่จ่ายเงินปันผล ส่วนกองทุน MS-EQ DIV จ่ายปันผล เหมาะกับนักลงทุน ต้องการรับผลตอบแทนระหว่างทาง

นายชาคริต พืชพันธ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายตราสารทุน บลจ.เอ็มเอฟซี จก. (มหาชน) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยไตรมาสแรกให้ผลตอบแทน 2% โดยนักลงทุนเล่นหุ้นกลุ่มปิโตรเคมี แบงก์และเทเลคอม จึงเป็นไปได้ว่าในไตรมาส 2 นี้ นักลงทุนอาจขายทำกำไรกลุ่มดังกล่าวและมาลงทุนในกลุ่มที่ยังขึ้นไม่มาก ยกเว้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ซึ่งมองว่าราคายังถูกและมีปัจจัยหนุน

สำหรับไตรมาส 2 คาดว่าดัชนีคงแกว่งตัวแคบๆ โดยกลุ่มที่น่าสนใจ ได้แก่ กลุ่มธนาคารพาณิชย์ เนื่องจากเศรษฐกิจรวมดีขึ้น การส่งออกขยายตัว ประกอบกับราคาหุ้นยังไม่แพง ส่วนกลุ่มพลังงานคาดว่ายังเติบโตได้ โดยมองโอกาสที่ราคาน้ำมันจะปรับตัวลงไปมากๆ มีน้อย ส่วนกลุ่มท่องเที่ยวยังไม่แนะนำ ไตรมาส 2 เข้าช่วงโลว์ซีซัน ขณะที่กลุ่มเทเลคอมจะเปิดซองแผนร่วมลงทุนคลื่น 2300 เมกะเฮิรตซ์น่าจะมีแรงเก็งกำไร

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,250 วันที่ 6 - 8 เมษายน พ.ศ. 2560