ชงคุมอายุรถ! เก็บภาษีเพิ่ม ลดฝุ่น PM 2.5

07 เม.ย. 2562 | 08:29 น.


ค่ายรถยนต์สะดุ้ง! มาตรฐานไอเสียเป็นรถยูโร 6 ปี 2565 จี้! รัฐทบทวน พร้อมเข้มงวดรถเก่า 20 ล้านคัน ปล่อยมลพิษสูง จ่ายภาษีรายปีแพงขึ้น กำหนดอายุการใช้งาน หนุนคนซื้อรถใหม่

วิกฤติฝุ่นพิษ PM 2.5 กลายเป็นวาระแห่งชาติ กระทรวงอุตสาหกรรมเร่งรัดบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ต้องขายรถที่ผ่านมาตรฐานไอเสียระดับยูโร 5 ตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นไป และขยับเป็นยูโร 6 ในปี 2565 ทันที ซึ่งประเด็นนี้ ค่ายรถยนต์สะท้อนความเห็นผ่านสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ว่า เร็วเกินไป ที่สำคัญ การขยับมาตรฐานไอเสียขึ้นไปแต่ละขั้นมีต้นทุนเพิ่ม 3-5 หมื่นบาทต่อคัน

นายองอาจ พงศ์กิจวรสิน นายกสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย เปิดเผยว่า บริษัทผู้ผลิตรถยนต์พร้อมทำตามนโยบายของรัฐบาล แต่การแก้ปัญหามลพิษไม่ควรมุ่งไปที่รถยนต์ใหม่ที่มีข้อบังคับด้านไอเสียเข้มงวดเพียงอย่างเดียว ควรเร่งรัดการผลิตนํ้ามันระดับยูโร 5 ออกมาใช้ให้แพร่หลายด้วย เพราะทั้งรถเก่าและรถที่ขายในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็น มาตรฐานไอเสียระดับไหน ใช้แล้วจะลดมลพิษได้ทันที

"จากยอดจดทะเบียนรถยนต์สะสม 20 ล้านคัน (กรมการขนส่งทางบก) ส่วนใหญ่เป็นรถมาตรฐานไอเสีย ยูโร 1, 2, 3, 4 หลายคันอายุใช้งานเป็นสิบ ๆ ปี ขาดการบำรุงรักษาที่ดีและปล่อยมลพิษสูง ถ้าเติมนํ้ามันระดับยูโร 5 เข้าไปจะช่วยลดไอเสียได้"

ขณะเดียวกัน รัฐบาลควรเข้มงวดกับการตรวจสภาพรถยนต์เก่าและคงเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่กำหนดอายุการใช้งานของรถ 1 คัน หรือ จำเป็นต้องใช้มาตรการตรวจสอบการปล่อยไอเสียอย่างจริงจัง และเก็บภาษีรายปีเพิ่มขึ้น หากรถไม่ผ่านมาตรฐาน เพื่อให้ผู้ใช้รถใส่ใจในการดูแลรักษาเครื่องยนต์ ถึงวันหนึ่งเมื่อการซ่อมบำรุงและการเสียภาษีรายปี มีค่าใช้จ่ายสูงเกินไป เจ้าของจะเปลี่ยนเป็นซื้อรถคันใหม่แทน เพราะคุ้มค่ากว่า

นายองอาจ กล่าวว่า สมาคมเตรียมเสนอความคิดเห็นเพื่อแก้ปัญหามลพิษให้กระทรวงอุตสาหกรรม 4 ข้อ คือ 1.การบังคับใช้มาตรการต่าง ๆ ต้องมีระยะเวลาให้ผู้ประกอบการเตรียมตัวเพียงพอ 2.นํ้ามันยูโร 5 ต้องมาก่อน และต้องมีรองรับในทุกสถานีบริการ 3.แต่ละหน่วยงานรัฐบาลควรออกนโยบายไปในทิศทางเดียวกัน เช่น มาตรฐานรถยนต์จากยูโร 5 ไปสู่ยูโร 6 มีเวลาให้เพียง 1 ปีนั้น เร็วเกินไป ประเด็นนี้ ขอให้กระทรวงอุตสาหกรรมทบทวน 4.ต้องพยายามรักษาฐานการผลิตรถยนต์ระดับ 3 ล้านคันต่อปี และเครือข่ายผู้ผลิตชิ้นส่วน

"การจะขยับไปสู่เทคโนโลยีอะไรต้องคำนึงถึงทุกภาคส่วน การมุ่งไปสู่เทคโนโลยีอนาคต ต้องไม่กระทบกับอุตสาหกรรมเดิมที่มีอยู่" นายองอาจ กล่าว

 


ด้าน กระทรวงอุตสาหกรรม โดย ดร.ณัฐพล รังสิตพล ผู้อำนวยการงานสำนักเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) กล่าวว่า การบังคับให้รถยนต์ผ่านมาตรฐานไอเสียยูโร 5 ในปี 2564 และยูโร 6 ในปี 2565 ด้วยระยะเวลาห่างกันเพียงปีเดียว สศอ. จึงอยากข้ามไปที่ยูโร 6 เลย แต่บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ขอให้ขยับไปทีละขั้นก่อน

นายโทชิอากิ มาเอคาวะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด เปิดเผยว่า มาตรการภาษีใหม่ที่รัฐบาลลดลง 0.5% และ 1% สำหรับรถที่ใช้ B20 หรือ ยูโร 5 แม้จะไม่มากเท่าไร แต่ถือว่ายังดี ส่วนสิ่งที่เป็นกังวล คือ ภายในปี 2564 นํ้ามันจะต้องได้มาตรฐานยูโร 5 ซึ่งจะทำได้หรือไม่ เพราะหากทำไม่ได้จะส่งผลต่อประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ นอกจากนี้ ต้นทุนรถจะสูงขึ้นด้วย เพราะเครื่องยนต์ดีเซลจากยูโร 4 ไปยูโร 5 ต้นทุนจะแพงกว่าการปรับในเครื่องยนต์เบนซิน

นายครรชิต ไชยสุโพธิ์ ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมฯ เปิดเผยว่า การเริ่มมาตรฐานใหม่ต้องมีการเตรียมความพร้อมหลายด้าน ทั้งผู้ผลิตรถยนต์ ชิ้นส่วน นํ้ามัน โดยเฉพาะนํ้ามันนั้น อยากเร่งรัดให้เร็วขึ้น เพราะหากมาตรฐานรถสูง แต่นํ้ามันยังไม่รองรับ อาจจะมีปัญหาได้ ตรงจุดนี้โรงกลั่นต้องไปดู ว่า จะปรับการผลิตให้นํ้ามันสะอาดมากขึ้นอย่างไร และมีให้พร้อมทั่วประเทศ

 


……………….

หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับที่ 3,459 วันที่ 7 - 10 เม.ย. 2561 หน้า 01-02

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
กรมสุขภาพจิตแนะใช้ 3 ส. ลดเครียดปัญหาหมอกควัน
"ปลัดพาณิชย์" สั่งทุกกรมใส่เกียร์ 5 เช็ก "รถหลวง" ห้ามก่อมลพิษทางอากาศ-เสียง