"3 บิ๊ก" ชิงตลาดชูกำลัง! "กระทิงแดง-บาวแดง" ไล่ตอดแชร์ "M-150"

29 ก.ย. 2561 | 11:02 น.
3 ยักษ์ชูกำลัง ตบเท้าชิงแชร์ตลาด 3.5 หมื่นล้าน "กระทิงแดง-บาวแดง" ซุ่มลอนซ์ TVC ชุดใหม่ ปลุกใจนักสู้ หวังเกณฑ์ส่วนแบ่งในไทยเพิ่ม หลัง "M-150" เดินหน้าปั้น M-150 เรือธงลุยต่างประเทศ



MP36-3405-A

กลับมาคึกคักอีกครั้งในช่วงปลายปี สำหรับการแข่งขันของตลาดเครื่องดื่มชูกำลังเมืองไทย หลังต้องเผชิญกับภาวะตลาดอิ่มตัว เมื่อ 3 ผู้เล่นยักษ์ใหญ่ อย่าง M-150, คาราบาวแดง และกระทิงแดง ออกมาเข็นแคมเปญ พร้อมประกาศยุทธศาสตร์รุกตลาดทั้งไทยและเทศอีกครั้ง

 

[caption id="attachment_325385" align="aligncenter" width="503"] สุรชัย สุรชัย จงเลิศวราวงศ์[/caption]

นายสุรัชย จงเลิศวราวงศ์ ผู้อำนวยการ สายงานการขายและการตลาด ประเทศไทย กลุ่มธุรกิจ TCP ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องดื่มชูกำลัง "กระทิงแดง" เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า พบว่า กลุ่มคนรุ่นใหม่ หรือ White Collar หันมานิยมเครื่องดื่มชูกำลังมากขึ้น จากที่ในอดีตที่มักจะมองว่าเป็นกลุ่มคนใช้แรงงาน หรือ Blue Collar เป็นหลัก ขณะเดียวกัน กลุ่มคนรุ่นใหม่ถือเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพในการจับจ่าย ทำให้แต่ละแบรนด์ต้องการเจาะกลุ่มเป้าหมายดังกล่าวมากขึ้น ดังนั้น จึงเห็นการแตกไลน์สินค้าใหม่ ๆ การเปิดตัวแบรนด์ใหม่ การใช้พรีเซนเตอร์คนรุ่นใหม่ การปรับแพ็กเกจจิ้งให้ทันสมัย หรือแม้กระทั่ง การเข้ามาของผู้เล่นหน้าใหม่จากต่างประเทศ ที่พยายามเข้ามาเจาะตลาดเมืองไทย

ทั้งนี้ จากความต้องการของคนรุ่นใหม่ที่มีมากขึ้น ส่งผลให้เครื่องดื่มชูกำลังพรีเมียมเป็นเซ็กเมนต์ เป็นตลาดที่มีการเติบโตสูงกว่า 10% จากมูลค่าตลาดรวมในกลุ่มพรีเมียมที่มีมูลค่ากว่า 1,600 ล้านบาท และเริ่มมีมุมมองในการดื่มเครื่องดื่มชูกำลังแบบใหม่ ถือเป็นปัจจัยหลักในการไดรฟ์ตลาดเอ็นเนอร์ยีดริงก์โดยรวม ขณะที่ ภาพรวมการเติบโตในตลาดแมสค่อนข้างนิ่ง ๆ หรือ มีการเติบโตที่ทรงตัว

"ด้วยตัวเลขการเติบโตในกลุ่มพรีเมียมเซกเมนต์กว่า 10% ในช่วงที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นว่า พฤติกรรมคนรุ่นใหม่เริ่มมองเครื่องดื่มชูกำลังในทิศทางใหม่มากขึ้น ทำให้ภาพรวมตลาดเครื่องดื่มชูกำลังมีการแข่งขัน และมูฟเมนต์มากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี ที่คีย์เพลเยอร์หลักออกมาขับเคลื่อนตลาดให้เติบโต"


STB KTD final

ที่ผ่านมา บริษัทมีการจัดกิจกรรมทางการตลาดแบรนด์กระทิงแดงต่อเนื่อง ทั้งส่วนลดและโปรโมชันต่าง ๆ และประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดี และล่าสุด ได้เปิดตัวภาพยนตร์โฆษณา (TVC) ชุด "คนจริงกระทิงแดง" ภายใต้คอนเซ็ปต์ "ปล่อยพลังที่ซ่อนอยู่ในตัวคุณ สู้แบบกระทิง ลุยแบบกระทิง ทุกอุปสรรคไปต่อได้ด้วยใจกระทิง" ออกมา โดยเน้นเจาะกลุ่มเป้าหมายคนใช้แรงงานเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน TCP มีส่วนแบ่งทางการตลาดโดยรวมราว 25% โดยบริษัทยังโฟกัสการทำตลาดกลุ่มเครื่องดื่มชูกำลังมากที่สุดกลุ่มหนึ่ง เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย 1 แสนล้านบาท ตามวิชันที่วางไว้

นายสุรชัย กล่าวอีกว่า ล่าสุด เพื่อเป็นการรองรับการเติบโตในตลาดเครื่องดื่มชูกำลังพรีเมียม ล่าสุด บริษัทได้ใช้งบประมาณกว่า 100 ล้านบาท เปิดตัว "เรดดี้ บู้ท" สำหรับชายหนุ่ม คนรุ่นใหม่ที่อยากดูดีอยู่เสมอ ภายใต้คอนเซ็ปต์ "เรดดี้ บู้ท พร้อมรุก ... ทุกสถานการณ์" เน้นตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนวัยทำงาน ดึงนักแสดงหนุ่มสุดฮอต "ก๊อต จิรายุ ตันตระกูล" เป็นพรีเซนเตอร์คนล่าสุด พร้อมจัดกิจกรรมทางการตลาดเพื่อกระตุ้นยอดขายครบวงจร โดยวางเป้าหมายในการย้ำแชมป์ผู้นำในตลาดพรีเมียม ด้วยสัดส่วนแบ่งมากกว่า 50%

 

[caption id="attachment_325382" align="aligncenter" width="335"] Wannipa วรรณิภา ภักดีบุตร[/caption]

ด้าน นางวรรณิภา ภักดีบุตร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) หรือ OSP ผู้ผลิตและทำตลาดเครื่องดื่มชูกำลัง "M-150" กล่าวว่า หัวใจสำคัญของโอสถสภายังคงอยู่ที่การปั้น M-150 ให้เป็นแบรนด์หัวหอกหลักที่จะสร้างยอดขายของบริษัทให้เป็นไปตามเป้าหมาย พร้อมทั้งย้ำแชมป์ความเป็นผู้นำตลาด ด้วยส่วนแบ่งกว่า 54.4% อย่างต่อเนื่อง ซึ่งแผนการนับจากนี้จะให้ความสำคัญในการขยายตลาดไปยังต่างประเทศ เพื่อสร้างการเติบโตแบบยั่งยืน ทั้งรายได้และกำไร จากปัจจุบันที่บริษัทส่งออกไปใน 25 ประเทศทั่วโลก


51228

ทั้งนี้ จะเริ่มต้นทำในกลุ่มประเทศซีแอลเอ็มวีและจีนก่อน เนื่องจากมองว่า กลุ่มซีแอลเอ็มวีนั้น อยู่ใกล้กับประเทศไทย ซึ่งถือเป็นฐานใหญ่ในการส่งออก โดยที่ผ่านมา ทางโอสถสภาได้มีการเข้าไปลงทุนและได้นำสินค้าเข้าไปจำหน่ายบ้างแล้ว อาทิ เมียนมา นำ M-150 , ลิโพวิตัน-ดี และเบบี้มายด์ เข้าไปจำหน่าย เบื้องต้นขณะนี้อยู่ระหว่างการตั้งโรงงานผลิตแห่งใหม่ในเมียนมา ภายใต้งบประมาณการลงทุน 2,424 ล้านบาท โดยคาดว่าจะเปิดดำเนินการไตรมาส 4 ปี 2562 ขณะที่ ในเวียดนามและจีน บริษัทก็ถือเป็นอีกหนึ่งตลาดที่ให้ความสำคัญ เนื่องจากเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่ มีการเติบโตสูง ขณะเดียวกัน ก็มีความเสี่ยงสูงจากการแข่งขันเช่นกัน ทำให้การเข้าไปในทั้ง 2 ตลาด จะเป็นแบบระมัดระวัง ซึ่งที่ผ่านมา ได้ศึกษาตลาดมาได้ระยะหนึ่งแล้ว และอยู่ระหว่างการตัดสินใจเลือกพาร์ตเนอร์เข้าไปทำธุรกิจด้วย

ขณะที่ นายกฤษณ์พงษ์ นิลวงษ์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายการตลาด บริษัท คาราบาวตะวันแดง จำกัด กล่าวว่า หลังจากที่ทางคาราบาวกรุ๊ปได้ทุ่มงบลงทุนกว่า 2,200 ล้านบาท ในการร่วมทุนกับ บริษัท SHOWA DENKO Group ประเทศญี่ปุ่น ในการก่อสร้างโรงงานผลิตกระป๋อง เพื่อขยายกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น โดยปัจจุบัน คาราบาวกรุ๊ปมีโรงงานผลิตขวดแก้ว มีกำลังการผลิต 640 ตันต่อปี โรงงานบรรจุสินค้าเครื่องดื่มชูกำลัง แบบขวดกว่า 1,600 ล้านขวดต่อปี เน้นส่งออกไปจีนและเมียนมา และแบบกระป๋องเพื่อส่งออกอีกปีละกว่า 1,500 ล้านกระป๋อง เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย คือ การก้าวขึ้นเป็นผู้นำอันดับ 1 ของตลาดเครื่องดื่มชูกำลังเมืองไทย ภายใน 3 ปี โดยในปีนี้ บริษัทคาดว่าจะมีรายได้รวม 1.5 หมื่นล้านบาท มีส่วนแบ่งการตลาด 25% เป็นอันดับ 2 รองจาก M-150


คาราบาวแดง 1

ล่าสุด ได้เดินเครื่องรุกตลาดอย่างต่อเนื่อง ด้วยการทุ่มงบการตลาด 50 ล้านบาท ในการเปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ "ทำให้สุดฝีมือ" ซึ่งเป็นหนึ่งในแคมเปญหลักที่จะใช้รุกตลาดในครึ่งปีหลัง ซึ่งบริษัทเตรียมใช้งบการตลาดราว 100 ล้านบาท ในการสื่อสารและสร้างแบรนด์ไปยังกลุ่มลูกค้าเดิม พร้อมกับขยายกลุ่มเป้าหมายไปยังคนรุ่นใหม่ที่มีอายุตั้งแต่ 25-35 ปี ผ่านทุกช่องทาง โดยเฉพาะช่องทางออนไลน์ เพื่อเป็นการตอกย้ำความเป็นสินค้าระดับโลก แบรนด์ระดับโลก หรือ The World Class Product, World Class Brand โดยมุ่งสื่อสารไปยังทุกกลุ่มเป้าหมาย รวมถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ต้องการประสบความสำเร็จในชีวิต


……………….
หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,405 วันที่ 30 ก.ย. - 3 ต.ค. 2561 หน้า 36+35

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
คาราบาวแดงเจาะคนรุ่นใหม่ มั่นใจขึ้นเบอร์1ตลาดชูกำลังใน3ปี
‘คาราบาว’ลุยตลาดชูกำลัง ปูพรมยุโรป ตั้งเป้าขึ้นเบอร์ 1ไทยปี 2563

เพิ่มเพื่อน

ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว