ตอบทุกคำถามเกี่ยวกับวัคซีนโควิดของไทย จัดซื้อจากไหน ผลิตเอง-ฉีดได้เมื่อไหร่

04 ม.ค. 2564 | 01:28 น.

กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และ สถาบันวัคซีนแห่งชาติ ย้ำ กำลังเร่งรัด การจัดหาวัคซีนต้านโควิด-19 เข้ามาเพิ่ม ไม่ได้ผูกติดกับวัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้าเพียงรายเดียว ส่วน การผลิตวัคซีนในประเทศไทย ขณะนี้ได้เริ่มกระบวนการผลิตแล้ว เพื่อเริ่มฉีดปลายเดือน พ.ค.

 

นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์

ไทยจะมีวัคซีนใช้เพียงพอหรือไม่

นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดเผยว่า จากข้อมูลโซเชียลมีเดียที่ทำให้พี่น้องประชาชนเกิดความสับสนและไม่แน่ใจว่าไทยจะมีวัคซีนหรือไม่  วันนี้ รัฐบาลยังคงเป้าหมายที่จะให้ฉีดวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ฟรีกับประชาชนไม่น้อยกว่า 50%ของจำนวนประชากร หรือมีวัคซีน 70 ล้านโดส โดยได้เตรียมการมาก่อนที่จะมีงานวิจัยออกมาว่ารายใดประสบความสำเร็จ โดยไทยได้ติดต่อเจรจากับแอสตร้าเซนเนก้าที่ใช้เทคโนโลยีจากมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด และได้ทำสัญญาแล้ว 26 ล้านโดสซึ่งอยู่ระหว่างการผลิตในประเทศไทย มั่นใจว่าจะผลิตออกมาได้ในปลายเดือน พ.ค. 2564

 

ส่วนอีก 20% มาจากโคแวกซ์ (โครงการ COVAX โดยการสนับสนุนขององค์การอนามัยโลก เพื่อการจัดสรรวัคซีนให้ประเทศต่าง ๆสามารถเข้าถึงอย่างเท่าเทียมกัน) อาจจะมีการปรับเปลี่ยน เพราะมีความยุ่งยากซับซ้อน เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนไป แม้ว่าขณะนี้ไทยยังคงเจรจากันอยู่ อีก 10% ทำข้อตกลงกับบริษัทผลิตวัคซีนที่นำมาใช้ได้

 

ตอบทุกคำถามเกี่ยวกับวัคซีนโควิดของไทย จัดซื้อจากไหน ผลิตเอง-ฉีดได้เมื่อไหร่

ได้วัคซีนปลายพ.ค.ช้าไปไหม

"แม้ว่าเราจะมีต้นทุน 26 ล้านโดส คนก็ตั้งคำถามว่ามาปลายเดือน พ.ค.ช้าไปหน่อยไหม เรื่องนี้เราไม่นิ่งนอนใจ เราได้พยายามเจรจาหลายฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นบริษัทไฟเซอร์ โมเดอร์นา  บริษัทวัคซีนจีน รวมทั้งแอสตร้าเซนเนก้า ที่เราเซ็นสัญญาไปแล้ว 26 ล้านโดส ก็อาจจะขอซื้อเพิ่มเติมได้ เป็นเรื่องที่เราจะเพิ่มจำนวนวัคซีนให้ได้ 50% " นพ.ศุภกิจกล่าว และยังเพิ่มเติมว่า

 

บริษัท ซิโนแวค ไบโอเทค ของจีน จะส่งวัคซีนมา 2 แสนโดสในปลายเดือน ก.พ. 2564 และจากนั้นปลายเดือนมี.ค. และเม.ย. จะจัดส่งมาให้อีก 8 แสนโดส และ 1 ล้านโดสตามลำดับ รวมวัคซีนทั้งหมดจากซิโนแวค 2 ล้านโดส

 

กระบวนการที่เกี่ยวเนื่องกับ อย.

เนื่องจากวัคซีนไม่ใช่สินค้าที่ซื้อขายได้ในท้องตลาด วัคซีนต้านโควิด-19 ที่จะนำมาใช้ต้องเป็นวัคซีนที่มีความปลอดภัย หากนำมาจากโรงงานที่ไม่ได้มาตรฐานและไม่มีการทดลองเฟส 3 รองรับ ก็จะไม่นำเข้ามาฉีดให้คนไทย นพ.ศุภกิจกล่าวว่า ทั้งนี้ ไม่ได้ห้ามเอกชนในการนำวัคซีนเข้ามา แต่ต้องขอขึ้นทะเบียนกับองค์การอาหารและยา (อย.) ก่อน ซึ่งอย.ต้องดูเรื่องคุณภาพ โรงงานได้มาตรฐานหรือไม่ สินค้ามีคุณภาพหรือไม่ ดังนั้น ต้องให้เกิดความมั่นใจ อย่างไรก็ตาม ขอย้ำว่ารัฐบาลจะหาวัคซีนมาให้ได้เร็วและปลอดภัย

 

นพ.นคร เปรมศรี ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติ

 

ด้าน นพ.นคร เปรมศรี ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติ กล่าวว่า ขณะนี้ทั่วโลกมีวัคซีนโควิด-19 ที่ได้รับการที่อนุญาตให้ใช้ในกรณีฉุกเฉินแล้วจากผู้ผลิต 9 ราย โดยแบ่งเป็น 4 ชนิดวัคซีน ทั้งนี้ วัคซีนที่ขึ้นทะเบียนแล้วและได้รับการยอมรับขณะนี้มีเพียง 3 ชนิดคือ วัคซีนของไฟเซอร์ โมเดอร์นา และแอสตร้าเซนเนก้า ส่วนที่เหลือเป็นการขึ้นทะเบียนแบบฉุกเฉินโดยใช้ผลการทดลองเฟส 2 เท่านั้น แม้วัคซีนของจีนและรัสเซียที่ขึ้นทะเบียนไปก่อนหน้าตั้งแต่เดือนก.ค.-ส.ค. 2563 ก็ยังไม่มีผลการทดลองเฟส 3 อย่างเป็นทางการออกมารวมทั้งวัคซีนของซิโนฟาร์ม (บริษัทวัคซีนจีน)

 

จองช้าหน่อย แต่เพื่อความมั่นใจและปลอดภัย

 ส่วนวัคซีนที่ไทยจองซื้อจากแอสตร้าเซนเนก้า รวมทั้งวัคซีนของรายอื่นก็ยังไม่สิ้นสุดการทดลอง ซึ่งได้ขึ้นทะเบียนแบบมีเงื่อนไข ทุกรายยังต้องวิจัยต่อ ทั้งนี้ ประเทศที่ได้รับการฉีดวัคซีนไปแล้วนั้นเขาได้จองตั้งแต่ก.ค. 2563 ซึ่งยังไม่มีเรื่องประสิทธิผลของวัคซีนและยังมีความเสี่ยงสูงมากที่จะไม่ได้รับวัคซีนหากการวิจัยไม่ประสบผลสำเร็จ “ประเทศไทยก็พยายามจองซื้อให้ได้เร็วแต่กลไกที่ต้องรับความเสี่ยงกรณีวัคซีนไม่ได้ผลและต้องจ่ายเงินไป ก็จะไม่ได้รับคืน ทำให้ต้องรอบคอบ อย่างไรก็ตาม ไทยได้จองซื้อวัคซีนเมื่อเดือน พ.ย. 2563 ซึ่งวัคซีนขณะนี้มีจำกัด ทุกบริษัทเร่งกำลังการผลิตเพื่อให้เพียงพอต่อประชากรทั้งโลก และการที่เห็นข้อมูลการฉีดวัคซีนของประเทศต่าง ๆที่เริ่มฉีดไปแล้ว จะมีข้อแนะนำเพิ่มเติมซึ่งเป็นข้อมูลหลังการฉีดวัคซีน ดังนั้น การที่ไทยทยอยฉีดตามหลังประเทศอื่น ๆ เราก็จะได้ระมัดระวังให้มากขึ้น” นพ.นครกล่าว

 

ตอบทุกคำถามเกี่ยวกับวัคซีนโควิดของไทย จัดซื้อจากไหน ผลิตเอง-ฉีดได้เมื่อไหร่

การนำเข้าวัคซีนของเอกชนทำได้หรือไม่

นพ.นคร เปรมศรี ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติ กล่าวว่า ไทยไม่ได้จองซื้อวัคซีนเฉพาะจากแอสตร้า เซนเนก้าเพียงรายเดียว แต่ยังมีการเจรจากับผู้ผลิตวัคซีนอีกหลายราย  โดยมีการขอข้อมูลทั้งจากบริษัทไฟเซอร์ ซึ่งเป็นบริษัทของสหรัฐ และซิโนแวคของจีน “สถาบันวัคซีนแห่งชาติ ร่วมมือกับองค์การเภสัชกรรมและกระทรวงสาธารณสุข ได้พยายามจัดหาวัคซีนทุกช่องทางและจากทุกบริษัทที่เรามั่นใจประสิทธิผลของวัคซีนเพื่อให้ประชาชนไทยเข้าถึงวัคซีนได้โดยเร็ว ซึ่งล็อตต้นๆมาจากซิโนแวคจากจีน นอกจากนี้ ทางอย.ได้เตรียมความพร้อมขึ้นทะเบียนวัคซีนแบบฉุกเฉินไว้แล้ว และเมื่อวัคซีนเข้ามาจะมีการทยอยใช้ตามกลุ่มประชากรตามการวางกลยุทธ์ให้ใช้วัคซีนได้สูงที่สุด”

 

ขณะเดียวกันก็มีความเป็นไปได้ที่ภาคเอกชนจะนำเข้าวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 นพ.นครย้ำว่า ไม่ได้มีการปิดกั้นแต่อย่างใด แต่ต้องนำเข้าวัคซีนที่มีมาตรฐานปลอดภัย ซึ่งก่อนหน้านี้มีโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งโฆษณาเรื่องวัคซีน และมีการเก็บเงินไปก่อนทั้งที่ไม่มีวัคซีนอยู่ในมือ ซึ่งผิดระเบียบอย.ที่ห้ามโฆษณาเกินจริง

 

การผลิตวัคซีนในไทยคืบหน้าถึงไหนแล้ว

นายทรงพล ดีจงกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด  กล่าวว่า บริษัทมีกำลังการผลิตวัคซีนต้านโควิด 200 ล้านโดสต่อปี หรือ เฉลี่ยเดือนละ 15-20 ล้านโดส ผลิตได้ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ โดยทางแอสตร้าเซนเนก้าตัดสินใจเลือกสยามไบโอฯ เป็นฐานการผลิตและส่งออกไปภูมิภาคอาเซียนด้วย บริษัทได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากแอสตร้าเซนเนก้าเมื่อวันที่ 7 ต.ค. 2563 ดังนั้น มั่นใจได้ว่าวัคซีนที่ผลิตในไทยจะมีคุณภาพเดียวกับที่แอสตร้าเซนเนก้าผลิตได้ในยุโรปหรือที่ไหน ๆ ในโลกเพราะมีมาตรฐานเดียวกัน

 

สำหรับความคืบหน้าการผลิตวัคซีนในปัจจุบันจะต้องมีการทดสอบการผลิต โดยนำกระบวนการผลิตมาทดสอบที่บริษัทฯทำได้เหมือนกับกับมาตรฐานกลาง จะทดสอบการผลิต 5 รอบการผลิต โดยจะนำผลทดสอบยื่นต่อ อย.เพื่อพิจารณาอนุมัติขึ้นทะเบียนวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าที่ผลิตในประเทศไทย แต่ละรอบการผลิตใช้เวลา 120 วัน หรือประมาณ 4 เดือน สิ่งที่สำคัญที่สุด คือต้องมีคุณภาพและน่าเชื่อถือ เพราะความเชื่อมั่นของประชาชนเป็นสิ่งที่สำคัญ จึงต้องใช้เวลาในการตรวจวิเคราะห์วัคซีนนาน 60 วันโดยส่งกลับไปให้แอสตร้าเซนเนก้า หลังจากใช้เวลา 60 วันในการผลิต ซึ่งการผลิตแต่ละรอบห่างกัน 14 วันเพราะฉะนั้น โดยได้เริ่มผลิตไปแล้วรอบที่หนึ่งเมื่อ 16 ธ.ค. 2563 รอบที่สองก็เริ่มแล้ว และจะทยอยผลิตออกมา โดยแต่ละล็อตจะผลิต 3.4- 4 ล้านโดส ถ้าทำได้เร็วขึ้นก็เป็นประโยชน์เพราะมีคนติดเชื้อมากขึ้นเรื่อย ๆ