เศรษฐกิจอเมริกาเป็นอย่างไร

22 ก.ค. 2559 | 14:00 น.
เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2559 ที่ผ่านมา กองทุนการเงินระหว่างประเทศหรือ "ไอเอ็มเอฟ" ยังคงอัตราการเติบโตเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาไว้ที่ 2.2 % และคาดการณ์ปีหน้าเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาจะขยายตัวที่ระดับ 2.5 % เท่ากับที่เคยคาดการณ์ไว้ก่อนที่จะเกิด Brexit และเห็นว่าหลังจากที่สหราชอาณาจักรถอนตัวออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปแล้วกลับส่งผลกระทบต่อสหรัฐฯไม่มากนัก โดยสัปดาห์แรกหลัง Brexit ส่งผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯปั่นป่วนอย่างมาก แต่หลังจากนั้นตลาดหุ้นได้ฟื้นตัวอย่างรวดเร็วขณะที่ดอลลาร์สหรัฐฯแข็งค่าขึ้นราว 1 % เท่านั้น เรียกว่าไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อตลาดการเงินมากนัก

ขณะในวันเดียวกัน CBO (Comgressional Budget Office) สหรัฐฯได้เปิดเผยรายงาน The 2016Long Term Budget Outlook ซึ่งเป็นประมาณการรายรับรายจ่ายของรัฐบาลว่า หากกฎหมายงบประมาณที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันไม่มีการเปลี่ยนแปลง หนี้สาธารณะของรัฐบาลสหรัฐฯจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ใน 30 ปีข้างหน้า โดยในปี 2569 หนี้สาธารณะสหรัฐฯจะเพิ่มขึ้น 86 % ของจีดีพี และจะเพิ่มขึ้นในระดับ 141 ของจีดีพีในปี 2589 ซึ่งมากกว่าช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่เคยขึ้นสูงสุดในระดับ 106 % ของจีดีพี

ส่วนสาเหตุที่ทำให้สหรัฐฯขาดดุลงบประมาณและมีหนี้สาธารณะเพิ่มมากขึ้นก็เนื่องจาก รัฐบาลมีรายจ่ายด้านประกันสังคม รายจ่ายสวัสดิการเพื่อสุขภาพเพิ่มมากขึ้นเนื่องจากประชากรสูงวัยมีเพิ่มขึ้น และดอกเบี้ยจ่ายสุทธิของรัฐบาลสหรัฐฯเพิ่มมากขึ้นจากการคาดการณ์ในอนาคตว่าดอกเบี้ยจะเพิ่มขึ้น
CBO ประมาณการการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาแบบเฉลี่ยในรอบ 30 ปีดังกล่าวจะเติบโตปีละ 2.1 % ซึ่งต่ำกว่าอัตราเฉลี่ยในรอบ 50 ปีก่อนหน้านั้นที่เติบโตเฉลี่ยปีละ 2.9 % ทั้งนี้เป็นผลมาจากประชากรสูงวัยมีเพิ่มมากขึ้นในขณะที่อัตรากำลังแรงงานกลับลดลง

ด้านการจ้างงานในสหรัฐอเมริกากระทรวงแรงงานเผยตัวเลขในวันเดียวกันว่า การจ้างงานในสหรัฐฯชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว โดยช่วงครึ่งปีแรกของปี 2559 การจ้างงานเพิ่มขึ้น 172,000 งานต่อเดือน ขณะที่ระยะเดียวกันกับปี 2558 มีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 229,000 งานต่อเดือน ส่วนตำแหน่งว่างงานในสหรัฐฯเดือนพฤษภาคม 2559 อยู่ที่ 5.5 ล้านตำแหน่ง เท่ากับตำแหน่งว่างงานลดลงไป 345,000 ตำแหน่ง ซึ่งส่วนใหญ่ตำแหน่งว่างงานที่ประกาศรัฐส่วนใหญ่เป็นงานทางด้านการบริการ ส่วนด้านการผลิตมีตำแหน่งว่างน้อยมาก

ทางด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯเผยตัวเลขสต๊อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งประจำเดือนพฤษภาคม 2559 มีเพิ่มขึ้น 0.1% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.7% ในเดือนเมษายน 2559 ซึ่งตัวเลขที่ออกมานี้จะต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นประมาณ 0.2% ทั้งนี้สต๊อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งของสหรัฐฯถูกถ่วงลงจากการดิ่งลงของสต๊อกรถยนต์ ซึ่งคาดว่าจะฉุดการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯในไตรมาส 2 ส่วนยอดขายภาคค้าส่งเพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนพฤษภาคม 2559 หลังจากเพิ่มขึ้น 0.8% ในเดือนเมษายนปีเดียวกัน

ธนาคารกลางสหรัฐฯหรือ "เฟด" จะมีการประชุมกันในวันที่ 26-27 กรกฎาคม 2559 นี้ เท่าที่ฟังเสียงดูพอจะประเมินได้ว่าเฟดยังคงไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย อย่างฟังเสียงจากเฟดสาขามินนิอาโปลิสบอกว่า เฟดยังไม่ควรรีบขึ้นดอกเบี้ยเนื่องจากควรรอให้เศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างเต็มที่ก่อนที่จะดำเนินการใดๆ ขณะที่เฟดสาขาแอตแลนตาบอกว่า แบบจำลองการคาดการณ์ GDPNow แสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯมีแนวโน้มขยายตัว 2.3% ในไตรมาส 2 แต่การขยายตัวในระดับนี้ ยังต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 2.4% ณ วันที่ 6 กรกฎาคม 2559 สรุปแล้วแม้จะมี Brexit ก็กระทบเศรษฐกิจสหรัฐฯน้อย และปีนี้ไอเอ็มเอฟยังให้ตัวเลขเดิม คือ ไม่เปลี่ยน โดยคาดว่าจะเติบโตประมาณ 2.2 % ถือว่าเป็นเรื่องดีที่เศรษฐกิจสหรัฐฯกำลังฟื้นตัวอย่างช้าๆ ครับ

Photo : Pixabay
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,176 วันที่ 21 - 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2559