การจากไปของ Ensogo และการล่มสลายของ "ยิ่งแก่ ยิ่งมากประสบการณ์" l ชุติพงษ์ (ป๊อป) เบญจสัตย์กุล

28 มิ.ย. 2559 | 10:12 น.
สัปดาห์ที่แล้ว (21 มิ.ย.) มีข่าวช็อควงการธุรกิจที่พูดถึงกันอย่างกว้างขวางข่าวหนึ่ง คือ ข่าวที่ Ensogo ได้ประกาศปิดกิจการลาภูมิภาคอาเซียน เหตุผลที่หลักที่สร้างความแปลกใจเพราะเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา ชื่อเสียงของ Ensogo จัดว่าอยู่ในกลุ่มดาวรุ่งของธุรกิจประเภท Startup ที่ใคร ๆ ก็อยากจะข้องเกี่ยว ไม่ว่าจะเป็นคู่ค้า นักลงทุน ผู้ใช้บริการ หรือแม้แต่เป็นบริษัทในฝันของคนรุ่นใหม่

Ensogo จัดเป็นบริษัทประเภท Startup ซึ่งมีคุณสมบัติเด่น 2 เรื่องคือ
1. Model ธุรกิจที่หลุดโลก (ไม่เคยมีมาก่อนในโลก)
2. อัตราการเติบโตของบริษัทที่รวดเร็วแบบก้าวกระโดด (โต 3 digit ต่อเดือน 4 digit ต่อปี)

และหากเป็นเมื่อก่อน 2 จุดเด่นที่กล่าวข้างต้นถือว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยากมาก แต่ในยุคสมัยนี้กลับเป็นไปได้ด้วยปัจจัยสำคัญหลักที่เอื้อนั่นคือ การใช้ประโยชน์ของ Technology ที่โลกนี้เองก็ไม่เคยมีมาก่อนเช่นกัน เป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญ เช่นระบบ Social Media เป็นต้น และตัวอย่างของ Social Media ที่พลิกผันโลกก็เราชัดเจนที่สุดคือ facebook

แน่นอนว่าการบูมของ Startup สร้างแรงกระเพื่อมให้กันคนหลาย ๆ กลุ่ม และพร้อมที่จะชยายวงออกไปเรื่อย ๆ หากลองพิจารณาภาพรวมจะเห็นถึงผลกระทบดังนี้

ผลกระทบต่อ”คนใน”วงการ Startup
สิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว และกำลังจะเพิ่มดีกรีหนักหน่วงขึ้นเรื่อย ๆ สำหรับการจ้างงาน จ้างบุคลากรในวงการ Startup
1. เกิดการซื้อตัวกัน แย่งตัวกันของบุคลากรด้าน IT อย่างในกรณีนี้คือ นอกจาก programmer รวมถึงผู้เชี่ยวชาญทางด้าน eCommerce (Sales online, Marketing online) ==> ส่งผลให้เกิด inflation หรือภาวะเงินเฟ้อของเงินเดือน (ค่าตัวแพงเกิน(ความสามารถ)จริง ของคนวงการนี้ (คนเก่งสมค่าตัวก็มีนะครับ แต่ผมว่ามีน้อย)

2. การล่มสลายของ "ยิ่งแก่ ยิ่งมากประสบการณ์" - เมื่อก่อนเรานับจำนวนปีในการทำงานเป็นความเก่ง เป็นประสบการณ์ จำนวนปีที่สูงจึงเป็นคุณสมบัติแรก ๆ ในการคัดเลือกคนขึ้นสู่ระดับสูง ==> แต่เนื่องจาก Technology หลายอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในโลกใบนี้ เช่น facebook ad, online marketing ดังนั้นไม่ว่าอายุน้อยหรืออายุมาก ประสบการณ์ด้านนี้จึงเริ่มต้นนับพร้อม ๆ กัน จึงทำให้เกิดการล่มสลายของ "ยิ่งแก่ ยิ่งมากประสบการณ์" ส่งผลให้เด็กอายุน้อยๆ จำนวนมาก ขึ้นนั่งแท่นผู้เชี่ยวชาญ หรือผู้บริหารระดับสูงในบริษัทประเภท Startup ตัวอย่างจริงที่ผมเคยเจอ เช่น เด็กอายุ 23 (ประสบการณ์ทำงาน 1 ปี) ได้เงินเดือน 30,000 กว่าบาท หรือ เด็กอายุ 25 ขั้นนั่งแท่น Head ของ Marketing ได้เงินเดือนร่วมแสน

หากมองในแง่ Candidate หรือคนหางาน ก็ต้องถือว่าเป็นยุคทองของเด็กจบใหม่ หรือบุคลากรในวงการ Startup กันเลยทีเดียว

ผมเองแม้ไม่ได้เชี่ยวชาญในการหาคนวงการนี้ แต่ก็ได้มีโอกาสคุยกับคนในวงการนี้พอสมควร และทุกครั้งที่ต้องแนะนำเขาเหล่านั้น (โดยเฉพาะเด็ก อายุ 22-25) ผมมักจะบอกว่า

"พวกคุณโชคดีมาก ที่ได้เกิดในยุคนี้ และได้เข้ามาอยู่ในวงการนี้ เพราะพวกคุณสามารถ short-cut ก้าวข้ามข้อกำจัดใหญ่ใน Career Ladder (การไต่เต้า) นั่นคือการนับจำนวนปีประสบการณ์ เพราะถ้าเป็นเมื่อก่อนคุณอาจต้องใช้เวลา 10 ปี แต่ยุคนี้คุณใช้เวลาแค่ 2-3 ปีเท่านั้น"

ส่วนตัวผมมองว่าไม่ใช่เรื่องผิดครับ และถือเป็น unfair advantage (ข้อได้เปรียบที่ไม่ยุติธรรม ==> คือไม่ได้มีเหมือนกันทุกคน มีเฉพาะบางกลุ่มบางคน) และหากเป็นไปได้ ต้องรีบตักตวงให้เร็วที่สุด

แต่ใด ๆ ในโลกล้วนมีข้อดี/ข้อเสียในตัว และนั่นก็คือสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับ Ensogo ตามข่าว

ดังนั้น คำแนะนำที่ให้รีบตักตวงของผม จึงต้องมาพร้อมกับคำเตือนที่ว่า "อย่าตั้งอยู่ในความประมาท" และ "เตรียมแผนสำรองด้วย" กรณีที่ทุกอย่างมันผิดเพี้ยนไปหมด"

ผลกระทบ”คนนอก”วงการ Startup
ระยะหลังเองภาครัฐก็กระโดดเข้ามาร่วมวง ส่งเสริมธุรกิจประเภท Startup ไม่ว่าจะเป็นการจัดงานออกบู๊ธ (งาน Startup Thailand http://www.thailandstartup.org/) หรือการให้เงินทุนส่งเสริมการก่อตั้งและสนับสนุนการดำเนินธุรกิจ (สสว. ประสานความร่วมมือกับธนาคารออมสิน ธนาคารกรุงไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการเพิ่มขีดความสามารถให้กับผู้ประกอบการ นอกจากนี้ต้องการให้สร้างผู้ประกอบการใหม่ (Start up) 10,000 ราย ภายในระยะเวลา 1 ปีครึ่ง หรือระหว่างปี 2559-2560 http://www.sme.go.th/th/index.php/news1/1015-smes-2559)

เมื่อกระแส Startup เริ่มเป็นที่รู้จักของคนวงกว้าง ประกอบกับอัตราค่าตอบแทน (เงินเดือน) ที่สูงกว่าวงการอื่น ๆ จึงสามารถสร้างแรงดึงดูดบุคลากรภายนอกวงการ Startup ไหลเข้าสู่วงการนี้เป็นจำนวนมาก ส่งผลให้วงการอื่น ๆ ขาดแคลนบุคลากรที่มีคุณภาพ (ซึ่งในความเป็นจริง ปัจจุบันเราก็หาบุคลากรที่มีคุณภาพได้ยากอยู่แล้ว)

สรุป
หากดูตามสถิติอัตราการประสบความสำเร็จของ Startup ในประเทศอเมริกา ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของธุรกิจประเภทนี้นั้น มีเพียงแค่ 10% เท่านั้นที่ถึงฝั่งฝัน (http://www.forbes.com/sites/neilpatel/2015/01/16/90-of-startups-will-fail-heres-what-you-need-to-know-about-the-10/ ) ดังนั้นหากนำตัวเลขดังกล่าวมาประยุกต์ใช้กับ startup ในประเทศไทย พยากรณ์ได้ไม่ยากว่ากระแส Startup คงจะค่อย ๆ แผ่วลง และหลุดกระแสไปในที่สุด

แม้ฝุ่นจะหายตลบ แต่ผลกระทบข้างต้นจะยังอยู่ คอยสร้างความปั่นป่วนให้กับการจ้างงานของบุคลากรทั้งในและนอกวงการไม่มากก็น้อย ดังนั้นหากคุณเป็นคนทำงานคนหางาน หรือ HR ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ คุณสามารถช่วยบรรเทาปัญหาต่าง ๆ ที่คาดว่าจะตามมาในอนาคตได้ด้วยการค่อย ๆ คิดวิเคราะห์การกระทำใด ๆ ที่จะลงมือทำในวันนี้ว่าจะส่งผลอะไรบ้างในอนาคต เช่น แทนที่ HR จะยอมจ้างแพงขึ้น ๆ เรื่อย เพื่อให้ได้คนที่เราต้องการเร็วที่สุด เราอาจจะต้องหยุดคิดว่า แพงแค่ไหนถึงจะพอ แพงแค่ไหนถึงจะไม่กระทบต่อภาพรวมการจ้างงาน และหรือมีวิธีอื่นอีกหรือไม่นอกจากการจ้างแพงขึ้น เพื่อให้ได้คนที่เราต้องการมา

ยอมรับครับว่าไม่ใช่เรื่องง่ายหรอกครับที่จะฝืนกระแส แต่ถ้าคุณมักง่ายกันวันนี้ วันข้างหน้าอาจจะไม่มีโอกาสเหลือ ถึงแม้คุณจะยอมทำอะไรยาก ๆ ก็ตาม