สถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ในไทยยังคงอยู่ในระดับรุนแรง โดยยอดผู้ติดเชื้อรายวันยังอยู่ในระดับ 3-4 พันคนต่อวัน ล่าสุดเมื่อวันที่ 22 มิ.ย.64 ยอดผู้ติดเชื้อใหม่ 4,059 คน ยอดผู้ติดเชื้อสะสมระลอกใหม่ตั้งแต่เดือนเม.ย.รวม 196,502 คน ยอดผู้เสียชีวิตสะสม 1,599 ราย โดยในบรรดายอดผู้ติดเชื้อใหม่และสะสมส่วนใหญ่อยู่ในกทม.และปริมณฑล 5 จังหวัด เทียบสัดส่วนผู้ติดเชื้อประมาณ 3 ต่อ 1กับหัวเมืองต่างจังหวัด
แหล่งแพร่กระจายไวรัสโควิด-19 ที่เป็นคลัสเตอร์ ยังคงเป็นสถานที่เดิมวนเวียนกันไป ตลาดสด ตลาดค้าสินค้าเฉพาะ โรงงานอุตสาหกรรม แคมป์คนงานก่อสร้าง เรือนจำ สถานการณ์ระบาดที่เกิดขึ้นในช่วงต้นสัปดาห์นี้ นายแพทย์ผู้เชี่ยวชาญหลายรายเริ่มส่งสัญญาณ สุ่มเสี่ยงเตียงพยาบาลเริ่มเต็มขึ้นมาอีกระลอก ถ้ายอดผู้ติดเชื้อรายวันยังคงอยู่ในระดับนี้หรือเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วมากกว่านี้ อาจกระทบกับขีดความสามารถของระบบสาธารณสุขไทยในการรองรับผู้ป่วยโควิด-19 เหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นในอินเดียและประเทศในอเมริกาใต้บางประเทศ
บรรดานายแพทย์ผู้เชี่ยวชาญหลายคนได้ออกมาแสดงความวิตกกังวล โดยเฉพาะเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์เดลต้าหรืออินเดีย ที่มีความสามารถในการแพร่เชื้อระบาดกว้างขวางและรวดเร็ว มีความรุนแรงในการก่อให้เกิดการเจ็บป่วย มีความสามารถดื้อต่อวัคซีนอย่างมีนัยสำคัญ ผู้เชี่ยวชาญประเมินว่าไวรัสสายพันธุ์ดุนี้อาจจะเป็นสายพันธุ์หลักของโลกและแพร่กระจายเป็นสายพันธุ์หลักในไทยในระยะต่อไปข้างหน้า
สถานการณ์ระบาดรุนแรงและการกลายพันธุ์ดื้อวัคซีนของไวรัสสายพันธุ์นี้ เราเห็นว่าศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน จะต้องใส่ปัจจัยนี้เข้าไปในการบริหารสถานการณ์และความสุ่มเสี่ยงของโควิด-19 รวมทั้งการบริหารจัดการวัคซีน ในการกระจายวัคซีน ต้องไม่ยึดติดกับโควต้าจังหวัด หรือ ปล่อยน้ำหนักการกระจายวัคซีนโดยอิงภาคการเมือง
ศบค.ควรต้องเร่งมือในการจัดหาวัคซีน เพื่อฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ให้กับประชาชนโดยเร็วที่สุด เพื่อให้มีภูมิคุ้มกันต่อสู้กับไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์นี้ ลดการสูญเสียชีวิตของประชาชนคนไทยลง สกัดกั้นผู้ป่วยในโรงพยาบาลเพื่อไม่ให้ขีดความสามารถสาธารณสุขพังทะลายลง และต้องเพิ่มน้ำหนักในการรับฟังเสียงสะท้อนของนายแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มากพอสมควรในการต่อสู้กับไวรัสสายพันธุ์อันตรายนี้ ขณะที่ประชาชนคนไทยต้องการ์ดไม่ตก ปฏิบัติตัวตามมาตรการควบคุมโรคอย่างเข็มแข็ง เพื่อเอาชนะโควิด-19 ไปด้วยกัน