การลงจากอำนาจอย่าง"รัฐบุรุษ"

30 มี.ค. 2564 | 12:01 น.

การลงจากอำนาจอย่าง"รัฐบุรุษ" : คอลัมน์ข้าพระบาท ทาสประชาชน ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3666 หน้า 6 ระหว่างวันที่ 1-3 เม.ย.2564 โดย... ประพันธุ์ คูณมี

การควบคุมอำนาจการปกครองประเทศของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับคณะ คสช. รวมถึงการขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี ภายหลังการเลือกตั้งทั่วไป เมื่อ 24 มีนาคม 2562 ถึงปัจจุบัน ได้ก้าวย่างสู่ปีที่ 7 และกำลังจะขึ้นสู่ปีที่ 8 ของการยึดกุมอำนาจ นับถึงเวลานี้ก็ใก้ลเคียงกับการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เข้าไปทุกขณะ เพียงแต่แตกต่างกันในเรื่องของที่มาแห่งการขึ้นสู่อำนาจเท่านั้น พิจารณาตามสถานการณ์ทางการเมืองปัจจุบัน ดูเหมือนว่า พล.อ.ประยุทธ์ ตั้งใจจะอยู่ในอำนาจต่อไปให้ยาวนานที่สุด ตราบที่รัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับปี 2560 มิได้ถูกแก้ไข จึงอาจทำให้ท่านอยู่ในอำนาจได้ยาวนานถึง 3 สมัย รวม 12 ปี

จากปีที่ 7 ก้าวสู่ปีที่ 8 ของการครองอำนาจ น่าเชื่อว่าจะเป็นปีที่ยุ่งยากที่สุด มีเหตุท้าทายต่อการดำรงอยู่ในอำนาจของรัฐบาลประยุทธ์ มากที่สุด อาจมีเหตุการณ์ที่สั่นคลอนต่อเสถียรภาพและความั่นคงทางอำนาจของท่านมากที่สุด อย่างที่มิอาจหลีกเลี่ยงได้ อันเป็นไปตามธรรมชาติของการเมืองไทย แม้ผู้เขียนมิใช่หมอดูแต่ก็พอจะคาดการณ์ได้ เพราะกลิ่นอายและสายลมแห่งการเปลี่ยนแปลงกำลังโชยมา ทั้งหมดเป็นไปและเกิดขึ้นตามวัฏจักรทางการเมือง เพราะสัญญาณการเริ่มต้นเพื่อขับไล่รัฐบาลประยุทธ์ ได้ถูกจุดขึ้นแล้วนั่นเอง

การที่กลุ่มคนทางการเมือง มีที่มาจากหลากหลายสีเสื้อ ก่อตัวสามัคคีจับมือกัน เพื่อเคลื่อนไหวทางการเมือง ด้วยเป้าหมาย "ขับไล่นายกฯประยุทธ์” ด้วยข้อหาเดียวกันว่าเป็น "เผด็จการ" จึงเป็นสัญญาณที่ผู้ครองอำนาจรัฐ จะประมาทมึนชา หรือ ดูถูกพลังมวลชนเหล่านั้นมิได้ เมื่อคนเหล่านั้นเห็นไปในทางเดียวกันว่า ปล่อยให้ "พล.อ.ประยุทธ์ อยู่ในอำนาจ ชาติย่อยยับ" "รัฐธรรมนูญฉบับประชาชนมีไม่ได้ ประชาธิปไตยไม่เกิดขึ้น" อำนาจรัฐเผด็จการ ขุนนาง นักการเมืองเข้าครองอำนาจ ทุนผูกขาดขนาดใหญ่กลืนกินประเทศร่ำรวยขึ้น แต่ประชาชนยากจน คนต่ำเตี้ยเรี่ยดินหมดสิ้นอนาคต นี่ย่อมเป็นสัญญาณอันตรายของผู้มีอำนาจที่กำลังจะมาถึง เมื่อประชาชนรู้สึกไม่ยอมรับการถูกปกครอง

ด้วยเหตุที่บรรยากาศทางการเมือง ความอึมครึมน่าสะพรึงกลัวกำลังจะมาถึง เหตุความวุ่นวายทางการเมืองกำลังจะบังเกิดขึ้นในเบื้องหน้า สถานการณ์และโอกาสจึงไม่เอื้ออำนวยต่อการอยู่ในอำนาจด้วยความมั่นคงและสง่างามของรัฐบาลประยุทธ์แต่อย่างใด และเมื่อถึงเวลาวิกฤติสำคัญ พรรคการเมืองที่เคยค้ำจุนสนับสนุนท่าน อาจตีตนออกห่างหันไปยืนข้างประชาชนเมื่อไหร่ก็ได้ รัฐบาลประยุทธ์อาจถูกลอยแพ

นี่จึงเป็นเวลาที่ผู้มีอำนาจควรได้คิดทบทวน คนที่คิดได้ คำนวณฟ้าดินดูลมฝนออก ประเมินสถานการณ์ข้างหน้าถูกต้อง ก็จะสามารถลงจากอำนาจเยี่ยง "รัฐบุรุษ" ได้ ผู้ปกครองประเทศ นายกรัฐมนตรีที่มาจากทหาร ที่รู้จักศิลปะในการขึ้นสู่อำนาจ และลงจากอำนาจอย่างสง่างาม จนได้รับการยกย่องให้เป็น "รัฐบุรุษคู่แผ่นดิน" มีตัวอย่างให้เห็นมาแล้วในอดีตคือ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ นายกรัฐมนตรี ที่อยู่ในใจประชาชนตลอดกาล แม้ถึงแก่อสัญญกรรมแล้ว ผู้คนยังกราบไหว้นับถือมิเสื่อมคลาย

การที่ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ด้วยการสนับสนุนของ ส.ส.จากทุกพรรคการเมือง ที่มาจากการเลือกตั้ง โดยได้ทำงานบริหารประเทศจนโชติช่วงชัชวาล เศรษฐกิจ สังคม และการเมือง มีความเจริญมั่นคงในทุกๆ ด้าน เป็นเวลาต่อเนื่องถึง 8 ปี 5 เดือน แม้ทุกพรรคการเมืองพร้อมสนับสนุนและต้องการให้ท่านเป็นนายกรัฐมนตรีต่อไปอีกสมัย แต่ท่านก็ได้ปฏิเสธไม่ยอมรับเป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อค่ำวันที่ 27 กรกฎาคม 2531 ด้วยเหตุผลและประโยคสั้นๆ โดยกล่าวกับพรรคการเมืองต่างๆ ว่า ขอขอบคุณ ผมได้ตัดสินใจแล้วว่า "ผมขอพอ" ไม่ขอรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ขอให้ช่วยประคับประครองประชาธิปไตยกันต่อไปด้วย (คัดมาจากหนังสือ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ รัฐบุรุษคู่แผ่นดิน)

ความรู้จักพอและลงจากอำนาจอย่างสง่างามเช่นนี้ จึงทำให้ท่านเป็นรัฐบุรุษของแผ่นดิน ลงจากอำนาจอย่างสง่างาม อยู่ในภาพพความทรงจำที่ดีของผู้คนทั้งแผ่นดิน ตราบนานเท่านาน

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายทหารและนายกรัฐมนตรีอีกท่านหนึ่ง ที่มีโอกาสเดินเข้าใกล้เส้นทางของความเป็นรัฐบุรุษ หากท่านรู้จัก "หยุดและขอพอ" ในเวลาที่เหมาะสม การที่ท่านเสียสละเข้ามาแก้ไขวิกฤติของบ้านเมืองที่เข้าขั้นกลียุค จนสามารถคืนความสงบสุขให้กับบ้านเมือง และพี่น้องประชาชน ผู้คนยังยอมรับในความดี การบริหารบ้านเมืองจนสามารถฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศให้กลับฟื้นคืนมาสู่ภาวะปกติ ชำระสะสางปัญหาค้างเก่า การทุจริตประพฤติมิชอบของรัฐบาลที่ผ่านมา กระทั่งนำพาประเทศฝ่าวิกฤติจากโควิด-19 จนได้รับการชื่นชมยกย่องจากทั่วโลก พาประชาชนให้รอดชีวิตมาได้ ทำให้โครงการเมกะโปรเจ๊กต่างๆ มากมายเกิดขึ้นจนสำเร็จ เพียงพอที่จะเป็นคุณูปการอันยิ่งใหญ่ ให้ประชาชนได้จดจำในความดี แม้ลงจากอำนาจก็ไม่มีความด่างพร้อยใดๆ ติดตัว เพราะไม่ปรากฎเรื่องการทุจริตประพฤติมิชอบแต่อย่างใด

หากจะให้สง่างามยิ่งขึ้น ก่อนลงจากอำนาจและประกาศการตัดสินใจ จงคืนความเป็นประชาธิปไตยแก่ประเทศและประชาชน สนับสนุนการดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน ตามนโยบายของรัฐบาลให้เห็นผลและเป็นจริง ดำเนินการนิรโทษกรรมทางการเมืองให้กับทุกคนทุกฝ่าย ในความผิดจากการชุมนุมทางการเมือง ยกเว้นความผิดอาญาร้ายแรงและการทุจริตคอร์รัปชัน กับความผิดต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นเรื่องของพระราชอำนาจ เพื่อสร้างความสามัคคีปรองดองของคนในชาติ ให้ประชาชนหันมาสามัคคีกันรักษาประชาธิปไตย และพัฒนาชาติบ้านเมือง การตัดสินใจโดยมีทางออกทางลงเช่นนี้ ท่านก็จะเป็นนายกรัฐมนตรีที่อยู่ในใจประชาชนตลอดไป เพราะมิได้คิดถึงแต่เรื่องอำนาจ เพื่อประโยชน์ตนหรือพวกพ้อง แต่ต้องการทำเพื่ออนาคตของบ้านเมืองในวันข้างหน้า เพื่ออนุชนรุ่นหลังต่อไป

การตัดสินใจเช่นนี้มันยากครับ แต่ผู้เขียนก็ยังฝันและอยากเห็นท่าน มีความกล้าหาญ กล้าตัดสินใจ เลือกเส้นทางรัฐบุรุษของแผ่นดิน ดีกว่าให้ผู้คนออกมาชุมนุมขับไล่ ประเทศกลับสู่สงครามการเมืองอีกครั้งจนไร้ความสงบสุข