ใครเป็นใคร ในก๊วนปั่นหุ้น KIAT

23 มี.ค. 2564 | 23:00 น.

ใครเป็นใคร ในก๊วนปั่นหุ้น KIAT : คอลัมน์เมาธ์ทุกอำเภอ ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3664 หน้า 13 ระหว่างวันที่ 25-27 มี.ค.2564 By...เจ๊เมาธ์

>> สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ใช้มาตรการลงโทษทางแพ่งกับผู้กระทำความผิด 13 ราย กรณีสร้างราคาหุ้น เกียรติธนา ขนส่งหรือ KIAT ซึ่งมีผลทำให้ราคาเพิ่มสูงขึ้นจาก 7.75 บาท เป็นราคา 15.60 บาทระหว่างวันที่ 4 - 2 ธันวาคม 2557

 บุคคลจำนวน 13 ราย ได้แก่ 1.นายเกียรติชัย มนต์เสรีนุสรณ์ 2.นายนํ้า ชลสายพันธ์ 3.นายศุภวุฒิ มณีรินทร์ 4.นางสาวศนิ จิวจินดา 5.นายยศ ธนารักษ์โชค 6.นางนิภา ชลสายพันธ์ 7.นางสาวนํ้าทิพย์ ชลสายพันธ์ 8.นายสุรพงษ์ เตรียมชาญชัย  9.บริษัทนิปปอน แพ็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (NPP) ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท โกลบอล คอนซูเมอร์ จำกัด (มหาชน) 10.นางสาวรินนภา คุณะวัฒน์สถิต 11.นายปฏิญญา เทวอักษร 12.นางกิ่งกาญจน์ สมิตานนท์ และ 13.นายประพล มิลินทจินดา  

โดยกลุ่มคนดังกล่าวได้แบ่งกันทำงานเป็นทีมดังนี้

ทีมที่ 1 นายนํ้า นางนิภา และ นางสาวนํ้าทิพย์ (ภรรยาและบุตรของนายนํ้า) นายศุภวุฒิ (บุตรเขยนายนํ้า), นางสาวศนิ และ นายยศ โดยได้แบ่งหน้าที่กันเพื่อสร้างราคาหุ้น...ทำหน้าที่ซื้อขายหุ้น KIAT เพื่อให้ราคาหุ้นปรับตัวสูงขึ้นผิดไปจากสภาพปกติของตลาด

ทีมที่ 2 นายสุรพงษ์ เตรียมชาญชัย (ประธานบริษัท เดย์ โพเอทส์ และสื่อในมือ 5  แบรนด์  ได้แก่  a day, a day Bulletin, สื่อออนไลน์ The Momentum สำนักพิมพ์ a book และ นสพ.ทันหุ้น) โดยมีนางสาวรินนภา เป็นผู้ทำการแทน ซึ่ง นายสุรพงษ์ เป็นผู้รับประโยชน์ในบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของตน (ขณะนั้น นายสุรพงษ์ เป็นกรรมการผู้จัดการและเป็นผู้มีอำนาจซื้อขายในบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของ NPP)

ทีมที่ 3 นายปฏิญญา และ นางกิ่งกาญจน์ ซึ่งมี นายประพล มิลินทจินดา เป็นผู้รับประโยชน์ในบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของตน (นายประพล พึ่งจะลาออกจากออกของกรรมการบริหารผู้มีอำนาจจัดการ และประธานกรรมการบริหาร บล.เออีซี)

โดยทีมที่ 2 และ 3 ได้ร่วมทำรายการซื้อขายบนกระดานรายใหญ่ (Big lot) เป็นจำนวนมากหลายครั้งตามราคาที่ทีมที่ 1 ได้ผลักดันราคาหุ้นให้สูงขึ้นแล้ว จนทำให้นักลงทุนทั่วไปเข้าใจว่าบริษัทฯ มีผู้ร่วมลงทุนใหม่สนใจลงทุนในราคาที่สูงขึ้นตามลำดับ ขณะที่ราคาหุ้นของ KIAT ได้เพิ่มสูงขึ้น ทั้งกลุ่มที่ 1, 2 และ 3 ก็ได้ขายหุ้นออกมาเพื่อทำกำไร โดยมี นายเกียรติชัย มนต์เสรีนุสรณ์ ซึ่งได้นำหุ้นที่ฝากไว้ในบัญชีบุคคลอื่น (nominee) ก็ได้นำหุ้นออกมาขายทำกำไรเช่นกัน  

ขณะเดียวกัน นายเกียรติชัย ซึ่งอยู่ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่และกรรมการผู้จัดการของ KIAT ก็ได้เสนอให้คณะกรรมการบริษัท พิจารณาอนุมัติการเพิ่มทุนให้กับบุคคลเฉพาะเจาะจง (PP) ให้แก่ผู้ที่ร่วมกันกระทำความผิดในราคาที่ตํ่ากว่าราคาตลาด ในขณะที่การลดราคาพาร์ของหุ้น KIAT และการออกวอแรนท์ให้กับผู้ถือหุ้นโดยไม่คิดมูลค่า ก็เป็นไปเพื่อการทำเพื่อสร้างความน่าสนใจในการซื้อขายหุ้น KIAT อีกทางหนึ่ง

จะเห็นได้ว่าผู้กระทำความผิดที่ถูก ก.ล.ต.ใช้มาตรการลงโทษทางแพ่ง โดยเรียกให้ชำระค่าปรับรวม 291.17 ล้านบาท จำนวน 13 ราย ซึ่งในกลุ่มคนเหล่านั้นมีหลายคนที่เป็นผู้มีชื่อเสียงและบารมี อยู่ในวงการหุ้นในวงการตลาดหุ้นไทย หลังจากนี้ไปก็คงต้องมาดูกันว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นตามมาอีกบ้าง...น่าติดตามดูจริงๆ เจ้าค่ะ

>> ราคาหุ้นของ AIE วิ่งแรงแซงทางโค้งขึ้นมาจากราคาตํ่าที่สุดในรอบปีที่ราคา 0.20-0.22 บาท กลายมาเป็นราคาเกือบๆ 2 บาท ทั้งนี้ก็เป็นผลมาจากในปี 63 ที่บริษัทมีกำไรอยู่ที่ 489 ล้านบาท เทียบกับปี 62 ที่มีผลการดำเนินงานขาดทุนสุทธิ 156 ล้านบาท โดยผลการดำเนินงานที่พลิกจากการขาดทุนในปี 62 เป็นกำไรในปี 63 มาจากรายได้รวม 5,519 ล้านบาท หลังธุรกิจนํ้ามันไบโอดีเซลปรับตัวเพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าตัว หลังภาครัฐฯ มีการเพิ่มสัดส่วนผสมไบโอดีเซลจาก B7 เป็น B10 ประกอบกับราคานํ้ามันปาล์มมีการฟื้นตัวขึ้นจากจุดตํ่าสุดของปี 63 กว่า 1 เท่าตัว  

ขณะเดียวกัน บริษัทก็จะแจกปันผลในอัตรา 0.05 บาท/หุ้น รวมถึงแจกวอแรนท์ในอัตราส่วน 5 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ โดยจะขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 12 เม.ย.ที่จะถึงนี้ น่าสนใจว่าก่อนที่จะถึงเวลาของการแจกวอแรนท์...วันนั้นราคาหุ้นของ AIE จะวิ่งขึ้นไปอีกสูงแค่ไหน เพราะอย่างน้อยถึงตอนนี้ก็มีนักวิเคราะห์จาก บล.เอเชียเวลท์ ได้ให้ราคาเป้าหมายเอาไว้สูงถึง 2.30-2.72 บาท แล้วนะเจ้าค่ะ

>> SUPER ของเสี่ยตั๊ม จอมทรัพย์ โลจายะกลับมาเป็นประเด็นให้ได้สนใจกันอีกแล้วหลังจากที่ราคาหุ้นวิ่งทะลุ 1 บาท ขึ้นมาได้ ทั้งที่ผลการดำเนินงานปี 63 ลดลงตํ่ากว่าปี 62 มากพอสมควร ทั้งนี้ก็เนื่องจากการที่คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) แจ้งผลการลงนามรับซื้อไฟฟ้าของผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก หรือโครงการ SPP Hybrid Firm โดยมีผู้ประกอบการภาคเอกชนจำนวน 10 ราย สามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขด้านสิ่งแวดล้อม และสามารถทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) รวมปริมาณเสนอขายไฟฟ้า 159.73 เมกะวัตต์ (MW) โดย 1 ในนั้น มีโรงไฟฟ้าของ SUPER ที่ลงนาม PPA ไปแล้ว  

ในขณะเดียวกันแนวโน้มผลการดำเนินงาน 1/64 ของ SUPER ก็มีแนวโน้มว่าจะขยายตัวจากการรับรู้รายได้โรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์ที่ประเทศเวียดนามเต็มปีในโครงการ Loc Ninh 1-3 กำลังการผลิตติดตั้ง 490 MWe ที่ COD ในเดือน ธ.ค.2563 รวมถึงโครงการ Wind Farm ที่กำลังอยู่ระหว่างก่อสร้าง กำลังการผลิตรวม 421 MW โดยจะเริ่ม COD ในไตรมาส 4/64 ที่จะถึงนี้อีกด้วย ซึ่งนั่นก็หมายความว่าจากนี้ไปจนถึงปี 65 รายได้และกำไรของ SUPER ก็จะยังสามารถขยายตัวไปได้อีกเรื่อยๆ ดังนั้นราคาหุ้นแค่บาทกว่าๆ จึงไม่น่าจะเป็นที่พอใจของผู้ถือหุ้นเจ้าค่ะ

>> KWM ออกจากคุกการเงินมาได้แค่ 2 วัน ก็กลับเข้าไปอยู่ในคุกใหม่อีกแล้ว และคราวนี้ก็จะติดยาวไปจนถึง 30 เม.ย. โน้นเลย แต่จะว่าไปเรื่องของการติดแคชฯ ก็แค่ทำให้ราคาหุ้นของ KWM อาจะต้องหยุดชะงักลงไปบ้างหลังจากที่ขาดแรงหนุนจากกลุ่มนักลงทุนที่ใช้บัญชีมาร์จิน แต่อย่างไรก็ตาม ถ้ามีใครได้เข้าไปดูเนื้อในของผลการดำเนินงานที่แท้จริงของ KWM แล้วก็จะเห็นได้ว่า เฉพาะกำไรจากธุรกิจหลักที่เป็นธุรกิจเกี่ยวกับอุปกรณ์ทางการเกษตรแค่นี้ก็ไปได้ดีอยู่แล้ว  

โดยในส่วนของธุรกิจใหม่ที่กำลังเป็นกระแสอย่างกัญชงกัญชา ครั้งนี้ตัวเจ๊เมาธ์เองก็ได้เข้าไปสัมผัสของจริงที่โรงงานของ KWM มาแล้วเรียบร้อย งานนี้เจ๊รับรองได้ว่า KWM เค้ามีของ...ไม่ว่าจะเป็นเครื่องสกัดกัญชงกัญชาแบบ CO2 ที่ทาง KWM ได้พัฒนาเครื่องขึ้นมาได้สำเร็จเป็นเครื่องแรกของประเทศนี่ยังไม่รวมไปถึงรายที่จะเกิดจากโมเดลธุรกิจในการสกัดสารจากพืชกัญชงกัญชาที่ทาง KWM ไม่ได้ใช้วิธีขายเครื่องขาดไปเลย แต่เป็นเพียงการให้ยืมเครื่องและคิดค่าสกัดเป็นรายครั้ง ซึ่งดูเหมือนว่าจะสามารถสร้างรายได้ที่สมํ่าเสมอให้กับ KWM ได้มากกว่า และนี้ยังไม่นับรวมพันธมิตรที่รอใช้งานเครื่องสกัดสารจากพืชกัญชงกัญชาอีกเกือบๆ 20 รายที่รอเวลาที่จะได้ร่วมธุรกิจการเป็นหุ้นส่วนในเครื่องสกัดสารจากพืชกัญชงกัญชาของ KWM เอาเป็นว่างานนี้เจ๊เมาธ์บองเลยว่า KWM นี่หละเป็นของจริงแน่นอนค่ะ