ปลาต้มข้าว 

16 ม.ค. 2564 | 03:20 น.

 

จีนเชื้อไทย มีกับข้าวสไตล์โผวเล้ง นัยยะว่าเปนสกุลแต้จิ๋วชนิดเจ้าสัวผู้ละเอียดยิบย่อยกับเรื่องของกินเข้าปาก ก่อนนี้ (หมายถึงทศวรรษก่อน) ยามค่ำลง ไปตรอกม้าเก็ง บำรุงรัฐ ตรงกันข้ามธนาคารกรุงไทย สาขาเยาวราช ยังมีร้านข้าวต้มปลาศักดิ์สูงอยู่เจ้าหนึ่ง

ท่านผู้ปรุงมีสามคน อายุรวมกันจะถึงสามศตวรรษ ท่านหนึ่งคุมไฟถ่านคุโชนลนก้นหม้อน้ำซุปกระดูกปลา ตักใส่ชามแล้วอีกคนหนึ่งปรุง โดยมีคนร่างบางที่สุดรับออเดอร์จากลูกค้าโผวเล้งนั่งโต๊ะหินอ่อนกลมวง

เมื่อเลือกปลาที่อยากจะกิน ซึ่งเเน่นอนคือ จาระเม็ดเทาเต๋าเต้ยเนื้อหนาราคาหนัก ท่านผู้ผอมบางจะถามเราว่า “ห้าร้อยนะ” เปนนัยกิริยาว่า ชัวร์นะ? ที่สั่งนี้ อันว่าผู้ดีนั้นเขาไม่ถามเรื่องเงินกันฉันใด ใครถามถึงก็แปลว่าไม่มีเงิน

จึงควรกุมเงินในกระเป๋าเสียด้วยใบหน้านิ่งสุขุม แล้วพยักศีรษะรับรองข้อเสนอของเเกเสีย เพื่อจะได้ชิมรสของปลาต้มข้าว ซึ่งทำเหลื่อมรสเค็มด้วยตังไฉ่

 

ปลาต้มข้าว 

ปลาต้มข้าว 

 

ใช่_ปลาต้มข้าว มันเปนชามกระเบื้องขอบลายครามรองด้วยใบตั้งโอ๋ ข้าวสวยเรียงเม็ดที่จะต้องแหวกดูด้วยเหตุว่ากองชิ้นปลามันลวกในน้ำพล่านนั้นพูนโปะอยู่เต็มมิดปากชาม หยอดกระเทียมไทยเจียวน้ำมัน หอมกรุ่น

ด้วยว่าปลานั้นมันมีส่วนมากกว่าข้าวจึงสมควรเรียกของกินชามนี้เสียใหม่ว่าปลาต้มข้าว_เหมาะกว่าข้าวต้มปลา ของอย่างนี้อาวุธจู่โจมรับประทานต้องช้อนสั้นคันกระเบื้องไว้วักน้ำซุปรสเข้มสีใสและเม็ดข้าวเต่ง ส่วนตะเกียบไผ่แกร่งนั่นใช้คีบชิ้นปลาบรรดาศักดิ์ส่งเข้าปาก เพื่อกำซาบรสชาติหวานมัน ทั้งนี้ก่อนจะกระทำเช่นว่านั่น ต้องเอาแกว่งลงในน้ำจิ้มเต้าเจี้ยวยำเสียนิดก่อน

 

ปลาต้มข้าว 

 

อย่างไรก็ดีโผวเล้งบางท่านกล่าวว่า จำจะทำการแตะน้ำจิ้มได้ต่อเมื่อเลยคำกินที่สองไปแล้ว_นัยยะว่าเพื่อได้ซึมทราบรสสุภาพธรรมชาติรังสรรค์ให้เต็มขีด

ร้านปลาต้มข้าวเจ้านี้ ยังมีดีที่หอยอีรมต้มข้าวอีกด้วย หอยเต่งสดใสลอยหน้าข้าวและตั้งโอ๋มาเต็มฝาชาม โผวเล้งท่านเดิมเรียกหามะนาวเสี้ยวมาบีบพรมก่อนรับประทานคำที่สาม_รำพึงริมฝีปากว่าไม่บีบเปรี้ยวตัดรสหอยสดไว้บ้างเห็นจะไม่รอดต้องตะกายข้างฝาคืนนี้

 

นสพ.ฐานเศรษฐกิจ  ปีที่ 40 หน้า 23 ฉบับที่ 3,645 วันที่ 17 - 20 มกราคม พ.ศ. 2564