ขุนนางในระบบฟิวดัล, ศักดิ-นา และตำราการเปนอัศวิน  (1)

09 ม.ค. 2564 | 02:25 น.

 

David Ogilvy ราชันย์ แห่งเมดิสัน อเวนิว, สันตะปาปาแห่งวงการโฆษณาร่วมสมัยให้สัมภาษณ์ถึงความใฝ่ฝันสูงสุดในชีวิต ประสงค์อยู่ 2 ประการ คือขอให้ได้เปนอัศวิน [Knight-hood] หนึ่ง และโดยการเปนอัศวินนั้น ขอให้ได้ขี่ขับยานยนต์ โรลสรอยซ์ (Rolls-Royce) อีกหนึ่ง

สรุปว่า “To be a knight & To drive a Rolls Royce” เปนความฝันใฝ่ในอุดมคติของลูกผู้ชายในเครือจักรภพ ณ ยุคหนึ่งเวลานั้น ซึ่งกาลเวลาผันแปรไปท่านสันตะปาปาแห่งวงการโฆษณา ตลอดเวลาชั่วชีวิตกระทำได้เพียงอย่างที่สอง คือนอกจากขี่ควบขับแล้วยังรับงานสื่อสารโฆษณาประชาสัมพันธ์ให้กับยี่ห้อรถยนต์อัครฐานทำมือตราเทพีลู่ลมอย่างว่า แบรนดิ้งอีกด้วย ยามเมื่อประสบความสำเร็จในเส้นทางอาชีพแล้ว โอกิลวี่ไปซื้อปราสาทในฝรั่งเศสไว้เปนที่พำนัก ชาร์โต นั้นเรียบ ง่ายคลาสสิกทว่าหราหรู แต่ฝันสุดท้ายของเขาในอันที่จะได้พระราชทานกระบี่แตะบ่าเปนอัศวินกลับจำกัดอยู่แค่เอื้อม_แต่_ไปไม่ถึง

 

David Ogilvy 

เดวิด โอกิลวี่ สิ้นภพจบชาติในวันที่เหลือดวงตราอีกขั้นเดียวจะได้เปนอัศวิน ถือตราสำคัญห้อยคอ และมีคำนำหน้าชื่อว่า ท่านเซอร์-เซอร์ เดวิด โอกิลวี่ฯ

 

FEUDALISM อ่าน “ ฟยู-แดะ-ลิส’ม” เปน ระบบขุนนางกินเมือง กล่าวคือ กษัตริย์ KING ทรงเปนเจ้าของที่ดินทั้งสิ้น ถึงเรียกขนานพระนามตามตำแหน่งว่าเปนพระเจ้า ‘แผ่นดิน’ ยามเมื่อได้แผ่นดินมาแล้วก็ทรงแบ่งรางวัลแก่คนร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่ นัยยะว่าเปนบำเหน็จการศึกอย่างนั้น แบ่งออกเปน FIEF หรือว่าแว่นแคว้น แล้วพระราชทานให้แก่ปวงเขา ซึ่งเราอาจเรียกต่อภายหลังว่าพวกขุนนาง (ซึ่งจริงแล้วมีปะปนกันทั้งเสนา-ทหารบู๊ และอำมาตย์-ไม่ใช่ทหารแต่ทำบุ๋น)

ขุนนางเหล่านี้ เช่นว่าได้เปน EARL มีเมือง Birkenhead ไว้กิน ก็เรียกว่า Earl of Birkenhead แกก็มีหน้าที่ปกครองแว่นแคว้นพื้นที่เบอร์เกนเฮดของแกไป มีอำนาจสิทธิ์ขาดในดินแดนของตนประหารชีวิตคนในเขตแกได้ 

Earl ท่านยังสามารถแบ่งแยกที่ดินต่อทอดได้อีก โดยแบ่งให้แก่ tenant ซึ่งบัดนี้เราท่านนิยมใช้เรียกขานในนิติบุคคลคอนโดมิเนียมว่า ลูกบ้าน

ตัว EARL เองนั้น เวลาพระเจ้า อยู่หัวเรียกต่อหน้าผู้คนก็เรียนท่าน EARL แต่ถ้าอยู่ลำพังกันเองแล้ว
ท่านเรียก Tenant-in-chief หัวหน้าลูกบ้าน เปนตำแหน่งให้เกียรติรำลึกความหลังที่ได้แบ่งที่ดินที่รุกรานเขามาสู่กันได้55

อันกรรมสิทธิ์ในที่ดินของ EARL ท่านนี้ โดยมากเปนหลักการว่าจะตกทอดสืบไปแก่สายตระกูลโดยเฉพาะลูกคนโต คนหัวปี และสืบทอดลงไปเรื่อยๆ ผู้ใดถือกำเนิดเกิดขึ้นมาในดินแดนของท่าน EARL นี้ ถือว่าเปน “ข้า” ของท่าน EARL เรียกกันว่า Serfs.

อันฐานันดรในระบบฟิวดัล [ฟยู-แด็ล] ที่บ้านเราอ้างอิงมาเรียกโดยให้ใกล้เคียงที่สุดว่า ศักดิ-นา คือว่ามีศักดิ ไปตามขนาดผืนนาที่ตนได้รับพระราชทานจากกษัตริย์แล้วไซร้ มีอยู่ 3 ฐาน ได้แก่

1. Those who FIGHT-ผู้ต่อสู้ ในที่นี้สมควรหมายถึง อัศวะ+อิน หรือ อัศวิน KNIGHT ผู้ถือเกราะหอกโล่ทวน ขับสู้อยู่บนหลังม้า ทำหน้าที่ปกป้องสังคม

2. Those who PRAY-ผู้สวดมนต์ ในที่นี้สมควรหมายถึง พระ/นักบวช/บาทหลวง [Priest/Paster/Vicar] ทำหน้าที่ติดต่อพระเปนเจ้าเบื้องบน ทำเรื่องรอบรู้หนังสือหนังหาพระราชพิธี

3. Those who WORK-ผู้ทำงาน ในที่นี้ก็คือ serfs ดังกล่าว หรืออาจเรียกว่าไพร่ฟ้า (ถ้าเปนข้าตรงของกษัตริย์) ทำหน้าที่ผลิตเสบียงและให้แรงงาน

โดยมีพวก Bourgeois หรือ เหล่ากระฎุมพี ทำหน้าที่ขาย ‘ฝีมือ’ มากกว่าแรงงานและทำมาค้าขายหากำไรอย่างว่าท่องไปตามแคว้นวัตถุดิบเอาของมาขายยังแคว้นบริโภค แทรกซึมอยู่ในสังคม มีลักษณะเปนอิสระชนไม่เข้าสังกัดมูลนาย ส่วนฐานันดรที่  4 นั้นนักหนังสือพิมพ์เขาตั้งฐานะให้ตัวเขาเอง เวลานั้นใครเขาอยากให้มีกันเล่า!


  ดยุคสวมครุยอัศวิน จุมพิตพระหัตถ์สมเด็จฯ

ขุนนางในระบบฟิวดัล, ศักดิ-นา และตำราการเปนอัศวิน  (1)

 

ลำดับขั้นของขุนนางฝรั่ง

1. DUKE เปนขุนนางชั้นสูงสุดของพวกอังกฤษเขา ปกครอง Dukedom อย่างเดียวกับ KING ทรงปกครอง Kingdom บางคราวเรียก Dukedom นี้ว่า Duchy เช่น Duke of Cornwall ปกครอง Duchy of Cornwall คู่สมรสของ Duke เรียกและดำรงฐานะเป็น DUCHESS ทั้งนี้ยังมีดัชเชสอีกประเภทหนึ่งชื่อ Duchess in her own right ซึ่งสืบยศฐานันดรและกองสมบัติมาจากบิดามิใช่สามี

2. MARQUIS มีภริยาดำรงฐานะเป็น MARQUISE (มา-คีส)

3. EARL เทียบเท่า Count ในยุโรปประเทศอื่นมีภริยาดำรงฐานะเป็น Countess

4. VISCOUNT มีภริยาดำรงฐานะเป็น Viscount

5. BARON เป็นขุนนางขั้นต่ำที่สุดที่มีที่นั่งในสภาบารอนมีภริยาดำรงฐานะเป็น Baroness การเป็น Baron นี้สืบตระกูลได้ ทั้งนี้ Baroness บางท่านเป็น Baroness in her own right คือเปนเองไม่พึ่งสามี

6. BARONET เป็นขุนนางขั้นสุดท้ายเข้านั่งในสภาไม่ได้แต่สืบตระกูลได้

 

เอิร์ล สเปนเซอร์ คนที่ 9  และ เอิร์ล สเปนเซอร์คนที่ 8

การเรียกลำลองนั้นลำดับ 1-5 เรียก “LORD” เช่น เรียก Earl of Darby ว่า Lord Darby ส่วนลำดับที่ 6 เรียก “SIR” อย่างเดียวกับเหล่าอัศวิน (ซึ่งจะกล่าวถึงต่อไป) เช่น Sir Edward Cook เรียกย่อว่า Sir Edward หรือ Sir E.Cook ไม่เรียก Sir Cook ส่วนคำว่า LORDLING แปลไทยได้ว่า เจ้าเจี้ยว หรือ เจ้าเก๊ๆ

 

 

ตานี้ก็มาถึงเรื่องตำนานอัศวินฝ่ายอังกฤษ

ขุนนางในระบบฟิวดัล, ศักดิ-นา และตำราการเปนอัศวิน  (1)

จากรูปนี้จะเห็นอัศวินผู้เฒ่าร่วมสมัยในอิสริยาภรณ์อัศวินแห่ง|การ์เตอร์  หกล้มหกลุกอยู่หน้าพระมหาวิหาร นัยยะว่ายามเมื่อแก่ชราภาพมากแล้วเครื่องยศศักดินาพะรุงพะรังกลับกลายเปนโทษาภัย ตามคำพระท่านว่ายามจะเดินทางไกลแล้วไซร้ต้องทำตัวให้มันเบาๆ ส่วนท่านเซอร์อัศวินเฒ่านี้เปนใครอย่างไรก็ขอสงวนไว้ไม่อยากจะให้เปนการสะเทือนจิต

 

นสพ.ฐานเศรษฐกิจ  ปีที่ 40 หน้า 23 ฉบับที่ 3,643 วันที่ 10 - 13 มกราคม พ.ศ. 2564