ระบาดรอบใหม่ ต้องร่วมใจยิ่งกว่าเก่า

23 ธ.ค. 2563 | 04:35 น.

ระบาดรอบใหม่ ต้องร่วมใจยิ่งกว่าเก่า : คอลัมน์อินไซด์สนามข่าว โดย จีรพงษ์ ประเสริฐพลกรัง หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3,638 หน้า 10 วันที่ 24 - 26 ธันวาคม 2563

ผมเคยเขียนเรื่อง “2 เรื่องใหญ่ ที่อย่าให้ระบาดซํ้า” เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา เรื่องแรกคือ สถานการณ์การชุมนุมทางการเมือง และเรื่องที่สองคือ การระบาดระลอก 2 ของโควิด-19 เพราะไม่เช่นนั้นเศรษฐกิจจะวิกฤติิหนักกว่าเดิม

 

แต่กลายเป็นว่า ณ ตอนนี้ สถานการณ์ม็อบถูกสลายด้วยแนวคิดของเครือข่ายม็อบคณะราษฎรด้วยกันเอง ที่แย้งกันไม่ตรงกัน ทั้งในเรื่องของคอมมิวนิสต์ และแนวทางการเคลื่อนไหว บวกผสมกับการระบาดของเชื้อโควิดที่สมุทรสาคร มียอดผู้ติดเชื้อพุ่งพรวดอย่างรวดเร็ว จนทำให้ “หมอทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศบค.” ใช้คำว่า นี่คือการระบาดรอบใหม่ ไม่ ใช่ระบาดระลอก 2

 

ทำให้ไทยต้องส่งกำลังใจให้กับทีมแพทย์ พยาบาล อสม. กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานเกี่ยวข้องต้องระดมกำลังเปิดปฏิบัติเร่งด่วนในการคัดกรองกลุ่มเสี่ยงมากกว่าหมื่นรายอย่างเร่งด่วน เพื่อหยุดเชื้อร้ายที่กำลังทุบทำลายปีใหม่ของคนไทย

 

ซึ่งไม่ได้หมายถึงแค่การทำลายความสุขในโอกาสที่จะได้สังสรรค์ในเทศกาล แต่โควิดมันพร้อมทำลายเศรษฐกิจที่กำลังจะโงหัวขึ้น ก่อนที่มาตรการ “คนละครึ่งเฟส 2” กำลังจะเริ่มใช้สิทธิ์ได้หลังปีใหม่ 

 

ไม่ใช่แค่ผมหรือคุณผู้อ่านที่อดห่วงไม่ได้ แต่รวมถึงคีย์แมนด้านเศรษฐกิจอย่าง “คุณดนุชา พิชยนันท์” เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ แสดงความห่วงใย ภายหลังมีการล็อกดาวน์สมุทรสาคร 

 

 

ระบาดรอบใหม่ ต้องร่วมใจยิ่งกว่าเก่า

 

 

คุณดนุชาโพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ที่ต้องขออนุญาตหยิบยกนำมาสื่อ ความต่อ ว่า “ช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมา มีสื่อมวลชนถามผมอยู่เสมอว่าเศรษฐกิจไทย จะเป็นอย่างไร เราต้องระวังอะไรบ้างในช่วงถัดไป และอะไรที่ทำให้ผมกังวล นอกจากสื่อมวลชนมาถามแล้ว เวลาขึ้นเวทีเสวนา ผู้ดำเนินรายการก็ถามผมเช่นกันว่าอะไรที่ทำ ให้ผมนอนไม่ค่อยหลับ

คำตอบของผมตั้งแต่ตุลาคมที่ผ่านมาไม่เคยเปลี่ยน ผมกังวลเรื่องการระบาดซํ้าในจำนวนมาก เพราะมันจะทำให้สิ่งที่คนไทยทุกคนที่อดทนต่อความยากลำบากในช่วงที่ผ่านมาและร่วมแรงร่วมใจช่วยกันพาประเทศไทยให้รอดพ้นจากวิกฤติการระบาด จนกระทั่งวันนี้เศรษฐกิจขอประเทศไทยก็เริ่มดีขึ้นอย่างช้าๆ อาจจะต้องกลับไปเริ่มต้นใหม่ และจะยากกว่าเดิม แต่วันนี้ก็เป็นวันที่ความกังวลของผมเกิดขึ้นจริงๆ สาเหตุเกิดจากอะไร ใครทำให้เกิดขึ้น ผมคิดว่าเรื่องนั้นพักไว้ก่อนครับ  

 

 

 

เวลานี้ ตั้งแต่นาทีนี้ พวกเราทุกคนคงต้องช่วยกันอีกครั้งนึงครับ เราต้องช่วยกันดูแลตัวเองและคนรอบข้างให้ปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด เศรษฐกิจจะเดินไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง คนไทยและชาวต่างชาติที่มาพำนักอยู่ในเมืองไทยต้องปลอดภัยก่อน 

 

“ช่วยกันนะครับ ครั้งนี้มาเร็วและมาแรง เราต้องร่วมมือร่วมใจกันนำพาประเทศไทยของเราให้รอดพ้นวิกฤติครั้งนี้ไปให้ได้อีกครั้งนึงนะครับ”

 

และอีกคนที่แสดงความห่วงใย เห็นจะเป็นคีย์แมนเบอร์ 1 ด้านเศรษฐกิจของรัฐบาล “รองนายกฯสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์” ที่ปาฐกถาพิเศษในงาน Dinner Talk : Restart Thailand 2021…ขับเคลื่อนประเทศไทย ที่จัดโดยหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ และกรุงเทพธุรกิจ เมื่อเร็วๆ นี้ 

 

ผมนั่งฟังในงาน ตอนหนึ่งรองนายกฯสุพัฒนพงษ์ เล่าถึงทิศทางเศรษฐกิจของประเทศไทยในปี 64 ไปจนถึง 65 โดยเล่าย้อนไปถึงสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ในปี 2563 ตั้งแต่เดือนเมษายนที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนทั้งโลก มีผลกระทบมากมายมหาศาล

 

 

 

พร้อมกับเล่าถึงภารกิจที่รัฐบาลกำลังทำและต้องทำอย่างต่อเนื่อง เพราะโลกหลังโควิดยังมีผลกระทบต่อประเทศไทย ที่จะต้องปรับปรุงปรับตัวเอง “ปี 2565 จะถูกยกระดับเป็นปฏิบัติการเชิงรุกให้เกิดการลงทุน เรายอมไม่ได้ที่จะยอมให้ประเทศไทยกลับมาเหมือนเดิมในปี 62 ปี 65 เราจะกลับดีกว่านี้เราจะไม่กลับมาแล้วเท่าดิม เราจะแข็งแรงกว่าเดิมและมั่นคงมาก ปี 65 จะลุกขึ้นมาลุกไว แล้ววิ่งเลย เพราะถ้าเราช้าคนอื่นก็คว้าไป เพราะทิศทางมันมาทางนี้”

 

แต่ก่อนจะถึงปี 65 รองนายกฯบอกว่า ปี 64 ยังจะต้องช่วยกันประคับ ประคองต่อไปแม้จะมีวัคซีนที่เป็นข่าวดีก็ตาม เกิดการระบาดครั้งที่สองไม่ได้เลย แล้วถ้าจำเป็นต้องล็อกดาวน์ก็มีผลกระทบต่อประเทศ มีผลต่อเศรษฐกิจและความรู้สึก เราจะต้องช่วยกันปกป้องดูแลให้ดี 

 

ส่วนตัวผมในฐานะผู้เขียน ก็ได้แต่อวยพรและส่งกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการคุมระบาดสำเร็จ และบอกตัวเองว่าต้องการ์ดไม่ตกด้วยเช่นกัน