ปาท่องโก๋? 

19 ธ.ค. 2563 | 03:00 น.

 

แป้งทอดอย่างว่าจับเข้าเป็นคู่ลอยน้ำมันเดือดฟองทอดร้อนๆยามเช้าให้รส กรอบ-นุ่ม-เคี้ยวและเค็มนี้เมืองจีนทำกินกันอย่างมีหรัสนัย 

คราวแม่ทัพงักฮุยผู้กล้าถูกอำมาตย์กังฉิน ผัวเมียนามว่า ฉินข้วย กราบบังคมทูลฮ่องเต้ผู้หูเบา ทำเอาท่านแม่ทัพต้องราชภัยหัวหลุดจากบ่า ชาวประชาก็คับแค้นเสียขวัญ แต่จำจะต้องนิ่งงันอยู่ด้วยกฎหมายความมั่นคง

เพื่อเป็นการระบายความในใจอันสุมไหม้ไส้ขม ปวงพวกเขานวดแป้งสับเป็นก้อนดึงยืดออกให้ยาว บุคคลาอิษฐานใหม่ให้แป้งนั้นเป็นคน ตัวหนึ่งคือผัวอำมาตย์ ฉินข้วยตัวหนึ่งคือเมีย, เมียอำมาตย์ฉินข้วย ติดกันให้ดีด้วยแตะน้ำประสานจากนั้นก็โยนลงกระทะทองแดงลอยน้ำมัน สำเร็จโทษ ด้วยตัวเองในระบบ Self-Dependency-พึ่งตนเอง ด้วยมิอาจพึ่งพากลไกรัฐอันล้มเหลว

 

ปาท่องโก๋? 

 

สุกกรอบดีแล้วหยิบมาเคี้ยวกินกันให้สาแก่ใจ ทุกเช้าตั้งหม้อตุ๋นข้าวเจ้า (paddy) กับน้ำซุปกระดูกหมูโดยมีเงื่อนไขว่าข้าวนั้นต้องซาวน้ำมันเสียก่อนต้มไฟคนๆในความร้อนระอุแล้วไซร้จะได้ข้าวต้มอย่างที่ออกรสข้าวในน้ำต้มนั้นที่เราท่านเรียกกันว่าโจ๊ก ; โรยต้นหอมสับซอยและขิงกินให้สาแก่ใจ ด้วยแป้งคู่ทอดกังฉิน แหม่มันอร่อยเอร็ดปากสาใจ!

แป้งคู่ทอดรสเค็มบางนี้ฮกเกี้ยนเรียก อิ่วเจี่ยโก้ย, แต้จิ๋วเรียกอิ๋วจาก้วย หมายว่า ฉินข้วยทอดไฟ (ฉินข้วยโดนทอดไฟ)

 

ปาท่องโก๋? 

แต่คนไทยไพร่ไปเรียก ปาท่องโก๋ ด้วยว่าในอดีตคนหาบเร่ขาย ขายของอยู่สองอย่างพร้อมกันอย่างหนึ่งคือแป้งทอดเค็มคู่ที่ว่า อีกอย่างคือแป้งนึ่งเหนียวฟูรสหวานที่ชื่อว่าปาท่องโก๋ แล้วร้องชื่อพร้อมกัน เหมือนร้องขายปลากริม-ไข่เต่า ยังความสับสนแก่ผู้ซื้อ

เวลานี้พุทธศักราช 2563 แล้วหากว่าผู้ใดเดินทางล่องใต้ไปบนเส้นทางสายสินแร่ ยามเช้าแวะเข้าไปหาของกินในร้านน้ำชาเมืองตรัง,พังงา, ตะกั่วป่า เรียกหาปาท่องโก๋ ก็ระวังเถิดจะได้แป้งนึ่งเหนียวหวานมากินแก้เซ็งในระดับที่ฝรั่งเรียกว่า White sugar cake ดังรูปบนจานสีฟ้าที่แนบมานี้

ปาท่องโก๋? 

 

จำจะต้อง Order ใหม่ให้สั้นง่ายๆประสาตนใต้กร่อนศัพท์ว่า “จาก้วย” จึงจะได้แป้งคู่ทอดไฟ มากินบำเรอปากให้สมประสงค์ฯ

 

 

นสพ.ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 40 หน้า 23 ฉบับที่ 3,637 วันที่ 20 - 23 ธันวาคม พ.ศ. 2563