เสี่ยยักษ์ มันนี่เกมส์ UPA

02 ธ.ค. 2563 | 02:00 น.

เสี่ยยักษ์ มันนี่เกมส์ UPA : คอลัมน์เมาธ์ทุกอำเภอ ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3632 หน้า 13 ระหว่างวันที่ 3-5 ธ.คต.2563 By...เจ๊เมาธ์

 

>> ทันทีที่มีการพบผู้ติดเชื้อไวรัส Covid-19 ภายในประเทศ จากกลุ่มคนไทยที่ลักลอบเข้าเมืองโดยการใช้ช่องทางธรรมชาติที่จังหวัดเชียงราย ความแตกตื่นก็เริ่มปรากฏขึ้นทันที... ชัดเจนที่สุดคือดัชนีหุ้นไทยปรับร่วงลงถึง 29 จุดในวันจันทร์ที่ 30 พ.ย. ภายหลังจากการยืนยันว่าพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอีก 2 ราย ซึ่งเป็นกลุ่มคนเดียวกับหญิงสาวที่ถูกระบุว่าติดเชื้อคนแรก และถึงแม้จะมีประกาศความสำเร็จและความคืบหน้าในการพัฒนาวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัส Covid-19 ออกมาจากหลายบริษัท ทั้ง Pfizer, Moderna หรือแม้แต่ทาง AstraZeneca ซึ่งเป็นบริษัทที่ทางรัฐบาลไทยในนามของกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้ลงนามในสัญญาการจัดหาด้วยการจองล่วงหน้าที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 27 พ.ย. 63 โดยบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในพระปรมาภิไธย จะเป็นผู้เข้าร่วมดำเนินการบรรจุและแจกจ่าย รวมถึงรับถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตวัคซีน
 

>> แต่อย่างไรก็ตาม... กว่าจะถึงเวลาที่คนไทยสามารถเข้าถึงวัคซีนได้ก็น่าจะเป็นในช่วงกลางปี 64 เป็นอย่างเร็ว ดังนั้น ความแตกตื่นว่าจะเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อ Covid-19 จึงเกิดขึ้นอีกครั้ง ในภาคเอกชนก็มีความกังวลว่าจะเกิดการแพร่กระจายของเชื้อรอบใหม่ (Super Spreader) ส่วนทางภาคธุรกิจก็กังวลว่าการล็อกดาวน์จะเกิดขึ้นอีกรอบ

>> ตอนนี้เจ๊เมาธ์ก็ได้แต่ตั้งความหวังว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะสามารถจัดการได้ แล้วก็หวังว่าจะไม่เกิดสถานการณ์ที่ควบคุมไม่ได้เกิดขึ้นอีกในประเทศ
 

>> การเข้าไปถือหุ้นใน UPA จำนวน 1,300 ล้านหุ้น (12.83%) ในราคา 0.16 บาท รวมมูลค่า 208 ล้านบาท. จาก “แคทรียา บีเวอร์” ของ “เสี่ยยักษ์-วิชัย วชิรพงศ์” ดูเหมือนว่าจะเป็นการปลุกให้หุ้นตัวนี้กลับมาได้รับความสนใจอีกครั้ง ในขณะที่ผลการดำเนินงานปี 63 ของ UPA จะพลิกกลับมามีกำไรจากการรับรู้รายได้โรงไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศ ขณะที่ความคืบหน้าโครงการโรงไฟฟ้าที่เมียนมา โครงการโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติกำลังการผลิต 200 MW ก็เริ่มมีความคืบหน้าพอสมควรขณะที่โปรเจ็กต์พัฒนา อสังหาฯในกัมพูชาก็กำลังจะเริ่มเดินหน้าผ่านการถือหุ้น 33.84% ใน One Central Tower มูลค่า 450 ลบ. ดังนั้นหลังจากคงต้องตามดูกันว่า “เสี่ยยักษ์” จะอ่านเกมการลงทุนที่ทุ่มลงไปกับ UPA ขาดหรือไม่ และ UPA จะกลับมาได้จริงหรือเปล่า เกมนี้ยังอีกยาวนะคะ ขอแค่อย่า “มาให้อยากแล้วจากไป” ก็พอค่ะ เด่วมันจะกลายเป็นเรื่องแบบ SABUY นะคะ อิอิอิ
 

>> ปรากฏการหุ้น IPO ที่เริ่มไล่ราคาในต่อมาหลังจากวันเปิดทำการซื้อขายหุ้นวันแรก (First Trading Day) เริ่มมีความชัดเจนขึ้น เริ่มต้นจาก LEO ที่เปิดราคาในวันแรกโดยที่ราคาหุ้นไม่สูงนัก จากนั้นก็ค่อยๆ ไล่ราคาขึ้นมาเรื่อยจากราคาปิดตลาดวันแรกที่ 3.50 บาทจนถึงราคา 6.00 บาทในปัจจุบัน ขณะเดียวกัน JR ซึ่งเป็นหุ้นน้องใหม่อีกตัว ก็ดูเหมือนกับว่ากำลังพยายามที่จะเดินตามรอยของ LEO ด้วยการปิดราคาวันแรกที่ 7.30 บาท แล้วค่อยๆ ไล่ราคาขึ้นไปอีกได้ในอนาคต ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นได้จริงก็น่าจะเป็นผลดีกับนักลงทุนที่เข้ามาเก็งกำไรกับหุ้น IPO ที่จะไม่ต้องโดนทุบด้วยราคาหุ้นหน้ากระดานที่ถูกกว่าราคาจองซื้อ หวังว่าจะเป็นแบบนั้นได้จริงๆ นะคะ เจ๊าใจช่วยค่ะ

>> หุ้นธนาคารใหญ่อย่าง KBANK SCB BBL และ KTB ต่างก็สร้างผลตอบแทนที่คุ้มค่ากว่า 30% ให้นักลงทุนที่เข้าไปเก็บหุ้นกลุ่มธนาคารไว้ก่อนที่จะมีสารพัดข่าวดีออกมา อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าหุ้นกลุ่มธนาคารก็ยังมีแนวโน้มที่จะไปต่ออีกได้เพราะราคาหน้ากระดานที่ยังต่ำกว่าราคาทางบัญชี แต่ตอนนี้ราคาหุ้นก็ขยับเข้าไปใกล้จนแทบจะไม่เหลือช่องห่างแล้ว ดังนั้นเจ๊เมาธ์คิดว่าตอนนี้ก็ถึงเวลาที่จะต้องเตือนนักลงทุนทั้งหลายแล้วว่าให้ดูจังหวะกันให้ดีๆ จำไว้เสมอว่ามันไม่มีอะไรที่ขึ้นได้ตลอดไปหรอกค่ะ
 

>> ราคาหุ้นของ AWC ค่อยๆ ปรับตัวขึ้นมาจากราคาหุ้นไม่ถึง 3 บาท จนขยับขึ้นมาถึงราคา 4 เกือบๆ 5 บาท ซึ่งก็เป็นการขยับเข้าไปใกล้ราคา IPO (ราคา IPO = 6.00 บาท) ทั้งนี้ก็เป็นเพราะ AWC ก็ไม่ต่างไปจากหุ้นตัวอื่นอีกหลายตัวที่คาดหวังกับอานิสงส์จากการที่เริ่มมีวัคซีน ป้องกัน Covid-19 ออกมาจนทำให้มีความเชื่อมั่นว่านี่เป็นสัญญาณของการปลดล๊อกการเดินทางระหว่าประเทศ และเป็นสัญญาณการฟื้นตัวของเศรฐกิจ 
 

>> อย่างไรก็ตาม อย่าลืมนะคะว่า AWC ยังมีผลการดำเนินงานที่ยังขาดทุน และยังมองไม่เห็นว่าจะสามารถฟื้นขึ้นมาจริงๆ ได้เมื่อไหร่ ดังนั้นเจ๊แนะนำว่าอย่าไปคาดหวังอะไรมากนะคะ หุ้นที่ดียังมีอีกเยอะค่ะ คริคริ...