ปฏิรูปการศึกษา ต้องเริ่มที่รัฐมนตรีศึกษาฯ

27 พ.ย. 2563 | 07:38 น.

ปฏิรูปการศึกษา ต้องเริ่มที่รัฐมนตรีศึกษาฯ : คอลัมน์อยู่บนภู ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3631 หน้า 6 ระหว่างวันที่ 29 พ.ย.- 2 ธ.ค.2563 โดย...กระบี่เดียวดาย

กลุ่มผู้ชุมนุมที่ใช้ชื่อ “กลุ่มนักเรียนเลว” ที่ได้ออกมาเคลื่อนไหว บ่งบอกความคับแค้นในระบบการเรียนการสอนในโรงเรียนปัจจุบัน โดยพุ่งเป้าไปที่กระทรวงศึกษาธิการ ภายใต้การกุมบังเหียน ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ

 

กลุ่มนักเรียนเลวนำนกหวีดไปมอบให้รัฐมนตรี ด้วยหวังประชดเปรียบเปรยรัฐมนตรีมาจากการเป่านกหวีด แล้วได้ดิบได้ดีเป็นถึงรัฐมนตรีศึกษาธิการให้ได้รับรู้ กระตุ้นให้ดำเนินการแก้ไขปัญหาให้พวกเขา แต่ดูเหมือนปัญหาของนักเรียนไม่ได้รับการแก้ไข

 

ไปดูข้อเสนอหลักกลุ่มนักเรียนเลว 1.หยุดคุกคามนักเรียน 2.ยกเลิกกฎระเบียบล้าหลัง และ 3.ปฏิรูปการศึกษา

 

นักเรียนเลวขอให้ยกเลิกการคุกคามทั้งทางเพศ ทางร่างกาย และจิตใจ ที่ผ่านมาครูอ้างว่าหวังดี แต่กลายเป็นคุกคามและส่งเสริมให้ครูใช้อำนาจได้โดยมิชอบ กระทรวงไม่เข้ามาตรวจสอบปัญหาและการคุกคามนักเรียนตีนักเรียน ทำร้าย ลงโทษอย่างไม่สมเหตุสมผล เป็นมานานกว่า 10 ปี และการรับเรื่องร้องเรียนถูกรวบรวมด้วยองค์กรเดียวและการคุกคามอาจเกิดขึ้นหลายเคสหลายที่มากกว่าที่ปรากฏหลายเท่าที่จะต้องตรวจสอบทุกโรงเรียน

นักเรียนเลวบอกว่ากฎระเบียบล้าหลังเป็นยุคไดโนเสาร์ โดยนักเรียนไม่มีสิทธิและส่วนร่วมในการออกกฎระเบียบ ไม่เข้ากับยุคสมัย คนที่ออกกฎระบียบไม่สามารถอธิบายเหตุผลในการออกกฎได้ กระทรวงก็ให้คำตอบไม่ได้ “ไดโนเสาร์สูญพันธุ์เพราะอุกาบาต และพวกเราคืออุกาบาต” วาทะที่เหน็บ แนมได้ลึกซึ้งถึงแก่น

 

ที่สำคัญที่สุดเป็นข้อเสนอปฏิรูปการศึกษา ซึ่งทุกเวทีที่นักเรียนขึ้นปราศรัยทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ล้วนแล้วแต่น่ารับฟัง เพราะเป็นปัญหาที่เขาประสบจริง ยกเว้นการกล่าวคำหยาบคายเท่านั้นที่ไม่ควรรับฟัง

 

นักเรียนเลวบอกว่า กลุ่มนักเรียนยังต้องเรียนตามเนื้อหาวิชาเดิมๆ ที่ไม่ค่อยมีการปรับปรุงให้ทันโลกทันสมัยสักเท่าใด เหมือนหลักสูตรจะกำหนดให้เด็กอยู่ในกรอบ แถมย้ำซ้ำเด็กไม่ควรทำ นั่น นี่ กลายเป็นปัญหากระทบสุขภาพจิตนักเรียน เรากำลังอยู่ในระบบการศึกษาที่เขาอยากให้เราเป็นแบบนั้น แบบนี้ แต่เขาไม่เคยทำให้เราดูเป็นตัวอย่าง

 

อันที่จริงถ้าตั้งสติรับฟังกันจริงๆ กับข้อเสนอของนักเรียนกลุ่มนี้ ก็เป็นเหตุเป็นผล และตัวรัฐมนตรีศึกษาฯควรต้องมีคำตอบที่ชัดเจนให้กับพวกเขา แต่ที่ผ่านมาเหมือนกับไม่ได้ยินเสียงของพวกเขาเลย

 

แทบเรียกว่าไม่เคยได้ยินนโยบายใหม่ๆ หรือข้อเริ่มต้นในการปฏิบัติเพื่อปรับปรุงระบบการศึกษาของไทยเลยในห้วง1-2 ปีที่ผ่านมา

 น่าจะลองกลับไปทบทวนดูกันใหม่ โดยเฉพาะการนำเทคโนโลยีใหม่ การสร้างและใช้ข้อมูลบิ๊กดาต้า มาใช้ในการปรับปรุงประสิทธิภาพของการศึกษา การใช้เทคโนโลยีเอไอปัญญาประดิษฐ์มาใช้ในระบบการศึกษา

 

ต้องยอมรับความรู้มีอยู่ทั่วโลก และโลกเชื่อมโยงกับไทยด้วยระบบเทคโนโลยีสื่อสารที่ไร้รอยต่อ ครูเก่งๆ มีอยู่ทั่วประเทศไทย ลองคิดและนำมาประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเสริมเข้าไปให้เด็กได้เรียนรู้และอยากเรียนรู้

 

“ลองคิดว่าด้วยสาเหตุใดที่นักเรียนต้องมานั่งติวกับติวเตอร์ชื่อดังอย่างเป็นบ้าเป็นหลัง ติวเตอร์สอนอะไรที่ครูไม่ได้สอน นักเรียน เรียนอะไรกับติวเตอร์เหล่านั้น ทำไมผู้ปกครองต้องนำลูกหลานเข้ามาเรียนในกรุงเทพฯ และในโรงเรียนที่มีชื่อเสียง มีวิธีการกระจายการสอน การเรียนแบบนี้ไปสู่ต่างจังหวัดให้ทุกคนมีโอกาสเข้าถึงได้หรือไม่”

 

โลกที่เปลี่ยนแปลงเร็วในยุค 3-5 ปีข้างหน้า รัฐมนตรีศึกษาฯ ได้วางแผนเตรียมคนเตรียมความพร้อมรองรับในการฝึกทักษะเด็ก ไว้บ้างไหม

 

พวกเขาจะมีชีวิตและเติบโตอย่างไร รับฟังความเห็นพวกเขาบ้างเถอะ พวกเขากำลังร้องขออนาคต ขอกำหนดอนาคตของพวกเขาบ้าง ผู้ที่มีหน้าที่ได้ตระหนักที่จะปรับและเดินไปด้วยกันหรือไม่

 

ปฏิรูปการศึกษา ต้องเริ่มต้นที่ตัวรัฐมนตรีศึกษา

 

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต้องได้ยินเสียงของนักเรียนบ้าง!!