>> หนักหนาสาหัส ผู้ติดเชื้อ Covid-19 ในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นสูงกว่า 1.5 แสนคนต่อวัน จนต้องสั่งปิดโรงเรียนทุกแห่งใน New York แต่การเลือกตั้งประธานาธิบดีที่จบลง ตั้งแต่ 3 พ.ย.ที่ผ่านมา ด้วยชัยชนะของ “โจ ไบเดน” ชนะ “โดนัล ทรัมป์” อย่างขาดลอย ไม่ทำให้การจัดการกับจำนวนผู้ติดเชื้อ Covid ดีขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมแต่อย่างใด เพราะจนถึงปัจจุบัน สหรัฐอเมริกา ในฐานะของประเทศผู้นำโลกประชาธิปไตย ยังไม่สามารถประกาศชื่อผู้ชนะการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการได้
“เลือกตั้งแพ้...แต่คนไม่แพ้” เพราะ “ทรัมป์” ยังไม่ประกาศยอมแพ้... และไม่ยอมรับผลการเลือกตั้ง ผลการเลือกตั้งอาจต้องจบลงที่ศาลอีกครั้ง เหมือนการเลือกตั้งประธานาธิบดีคนที่ 43 ของสหรัฐฯ ในปี 2544 ที่ นายจอร์จ ดับเบิลยู. บุช ผู้สมัครจากพรรครีพับลิกัน กับนายอัล กอร์ คู่แข่งจากพรรคเดโมแครต ที่ได้จบผลการเลือกตั้งลงที่ศาล
>> ผลการทดสอบวัคซีนเชื้อ Covid-19 ของ Pfizer ที่มีประสิทธิภาพ 95% รวมถึงผลการทดสอบของ Moderna ที่มีประสิทธิภาพ 94% ทำให้เกิดความหวังว่าแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 4/2563 จะดีขึ้น รวมถึงคาดว่าความต้องการ (ดีมานด์) ใช้ทั้งนํ้ามันและปิโตรเคมี เริ่มกลับมา จนราคานํ้ามันเริ่มปรับตัวสูงขึ้นทำให้ราคาหุ้นในกลุ่มโรงกลั่นอย่าง TOP IRPC SPRC BCP และ ESSO ปรับราคาขึ้นตามไปด้วย อย่างไรก็ตาม องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ประกาศว่า วัคซีนไม่ใช่ยาวิเศษ ที่จะรักษาได้ทุกอย่าง
ดังนั้นการมองโลกสวยว่า ถ้ามีวัคซีนแล้วทุกอย่างจะดีขึ้นตามไปด้วย มันก็คงจะไม่ใช่คำตอบ อย่างน้อยที่สุด การเข้าถึงวัคซีนได้อย่างกว้างขวางก็จะไม่มีทางที่จะเกิดขึ้นได้ก่อนช่วงกลางปี 2564 อย่างแน่นอน ในขณะที่ประเมินกันว่า ภาวะเศรษฐกิจโลกจะเข้าสู่ภาวะปกติ ต้องใช้เวลาอีก 2 ปี (2565-66) ดังนั้น สำหรับหุ้นกลุ่มโรงกลั่น ถ้าเล่นรอบเอากำไรพอทำได้นะคะ แต่ถ้าจะถือยาว ก็คงต้องเป็นเงินเย็นจริงๆ เท่านั้นค่ะ
>> เน็คซ์ แคปปิตอล ( NCAP) หุ้นลีสซิ่งที่พึ่งเข้าตลาด เน้นทำธุรกิจการให้บริการแก่ลูกค้ารายย่อย ที่ต้องการเป็นเจ้าของรถมอเตอร์ไซด์ วิธีการของ NCAP คือ ซื้อรถจากตัวแทนจำหน่าย (Dealer) แล้วนำมาให้ลูกค้าเช่าซื้ออีกต่อหนึ่ง ...หุ้นตัวนี้ IPO ราคา 2.20 บาท ไม่สูงมากไปรวมถึงโมเดลธุรกิจที่น่าสนใจ ทำให้ราคาหุ้นของ NCAP ได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน ราคาหุ้นหน้ากระดานปัจจุบันพุ่งหลาวขึ้นมา 5.40 บาท หรือกว่า 145% แล้ว ..สำหรับเจ๊เมาธ์...เจ๊มองธุรกิจลีสซิ่งว่า เป็นหนึ่งในหุ้นห่านทองคำ ไม่ใช่ไข่ทองคำธรรมดาแต่เป็นไข่ทองคำใบใหญ่ ที่ราคาขยับขึ้นไปได้อีก จับตาดูได้เลยค่ะ
>> หุ้นกลุ่มธนาคารใหญ่ KBANK BBL และ SCB ถึงวันนี้ราคาหุ้นขยับขึ้นมาไกลมาก...มากกว่าตอนที่เจ๊เมาธ์ เคยบอกให้เก็บหุ้นกลุ่มนี้ ถึงแม้ว่าอัตราการจ่ายปันผล...แบบมีข้อจำกัด แต่ถ้าหากเทียบราคาหุ้นก่อนและหลังจากที่ ธปท. อนุญาต ถึงนาทีนี้ จะเห็นทิศทางที่ชัดเจนว่า แม้ราคาหุ้นแบงก์ จะมาไกลแล้ว แต่ยังเก็บได้เพราะราคาหุ้นหน้ากระดานยังต่ำกว่ามูลค่าหุ้นที่แท้จริงนะคะ น่าสนใจมากค่ะ
>> ถึงเวลาที่ SCGP ต้องปลดเครื่องหมาย “ST” ออก เพราะครบเวลา 1 เดือน หลังเข้าตลาด ที่มีการทำกรีนชู (Green Shoe ) 169.13 ล้านหุ้น สร้างเสถียรภาพของราคาเอาไว้ ซึ่งไม่ทำให้นักลงทุนผิดหวังเหมือน หุ้นใหญ่หลายตัวที่มีการกันหุ้นส่วนเกินเอาไว้เช่นกันด้วยการยืนราคาหุ้นหน้ากระดานที่สูงกว่าราคาจองซื้อ (35 บาท) และสำหรับหุ้นตัวนี้เจ๊เมาธ์ ยืนยันว่า เป็นหุ้นนํ้าดีที่เหมาะสำหรับใครที่ต้องการถือหุ้นต้นนํ้าเอาไว้ในพอร์ตนะคะ ยืนยันว่าของเค้าดีจริงๆ ค่ะ
>> จบท้ายด้วยข่าวใหญ่วงการแบงก์รัฐและลีสซิ่ง ระหว่าง ศรีสวัสดิ์ (SAWAD) และ แบงก์ออมสิน จับคู่แต่งงานปั้น เช่าซื้อจำนำทะเบียนรถยนต์-รถมอเตอร์ไซด์ ไปเรียบร้อย เขย่าลีสซิ่ง น้อยใหญ่ จะทำยังไง กับดอกเบี้ยที่เคยได้สูงกว่า 24% ต้องกดลงมาแข่งกับออมสินให้ได้ 18%...เหนื่อยล่ะคราวนี้