รัฐบาลกับหน้าที่ ในการปกป้องสถาบันกษัตริย์

11 พ.ย. 2563 | 03:00 น.

รัฐบาลกับหน้าที่ ในการปกป้องสถาบันกษัตริย์ : คอลัมน์ข้าพระบาท ทาสประชาชน ฉบับ 3626 หน้า 6 ระหว่างวันที่ 12-14 พ.ย.2563 โดย... ประพันธุ์ คูณมี

 

 

รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2560 กฎหมายสูงสุดที่ใช้เป็นหลักในการปกครองประเทศ บัญญัติไว้ในหมวด 2 ว่าด้วยเรื่องพระมหากษัตริย์ มาตรา 6 ว่า “องค์พระมหากษัตริย์ทรงดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้ ผู้ใดจะกล่าวหาหรือฟ้องร้องพระมหากษัตริย์ในทางใดมิได้” ซึ่งบทบัญัติเช่นนี้ มีในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกฉบับ นับแต่ประเทศไทยมีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
 

นอกจากนี้ ตามประมวลกฎหมายอาญา ภาค 2 ลักษณะ1 ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร หมวด 1 ยังได้มีบทบัญญัติว่าด้วยความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท และผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ไว้เป็นบทเฉพาะในมาตรา 107-112 ที่มีบทลงโทษหนักสำหรับความผิดฐานปลงพระชนม์ หรือกระทำการประทุษร้ายต่อพระองค์หรือสิทธิเสรีภาพของพระมหากษัตริย์ โดยเฉพาะ มาตรา 112 ที่บัญญัติว่า “ผู้ใดหมิ่นประมาทดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้าย พระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาทหรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี” อันเป็นการกำหนดลักษณะความผิดและโทษทางอาญา แก่บุคคลผู้กระทำผิดในเรื่องนี้โดยชัดแจ้ง
 

การที่กฎหมายรัฐธรรมนูญทุกฉบับ และประมวลกฎหมายอาญา มีบทบัญญัติคุ้มครองพระมหากษัตริย์ และบุคคลต่างๆ ดังกล่าว ก็เนื่องด้วยพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาทหรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ เป็นตัวแทนของสถาบันพระมหากษัตริย์ และพระมหากษัตริย์ทรงดำรงตนในฐานะประมุขแห่งรัฐ ของราชอาณาจักรไทย ที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความมั่นคงของประเทศ เพราะทรงเป็นสถาบันที่เป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวไทยทั้งชาติ

การที่รัฐธรรมนูญมีบทคุ้มครองก็ดี หรือการที่มีประมวลกฎหมายอาญาคุ้มครองพระเกียรติและสถานะของพระมหากษัตริย์ และบุคคลต่างๆ ดังกล่าว ก็เพื่อประโยชน์แห่งความมั่นคงของราชอาณาจักรไทย เพื่อประโยชน์สุขของปวงชนชาวไทย ซึ่งบทบัญญัติดังกล่าวนี้ เป็นไปในทำนองเดียวกันกับประเทศอื่นๆ ที่ล้วนมีกฎหมายเพื่อการคุ้มครองประมุขแห่งรัฐของตนเองทั้งสิ้น ไม่ว่าประเทศนั้นๆ จะปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยแบบประธานาธิบดี หรือปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยแบบสังคมนิยมหรือคอมมิวนิสต์ก็ตาม
 

หลักการคุ้มครองชีวิต สิทธิเสรีภาพหรือชื่อเสียงเช่นนี้ ในบุคคลธรรมดาทั่วไปก็มีบทคุ้มครองเช่นกัน เพียงแต่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญาลักษณะ 10 ความผิดเกี่ยวกับชีวิตและร่างกาย และลักษณะ 11 ความผิดเกี่ยวกับเสรีภาพและชื่อเสียงของบุคคล
 

ประเทศไทยนั้น สถาบันพระมหากษัตริย์ นอกจากจะมีความหมายความสำคัญต่อความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรแล้ว ยังมีความสำคัญในทางประวัติศาสตร์ของชาติไทยอีกด้วย ที่พระมหากษัตริย์กับประชาชนทรงเป็นหนึ่งเดียว แบบราชประชาสมาสัย และทรงเป็นศูนย์รวมจิตใจของปวงชนชาวไทย เป็นศูนย์รวมพลังหลักสำคัญของประเทศ มายาวนานนับร้อยๆ ปี
 

พระมหากษัตริย์เป็นนักปกครอง เป็นจอมทัพที่แสดงพระปรีชาสามารถ กอบกู้ประเทศให้เป็นเอกราชและรอดพ้นจากการตกเป็นประเทศเมืองขึ้น จากลัทธิล่าอาณานิคมของพวกตะวันตก แต่เพียงประเทศเดียวในภูมิภาคเอเชีย ด้วยเหตุนี้ ประชาชนชาวไทยทุกหมู่เหล่า จึงให้ความเคารพเทิดทูนต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ อย่างต่อเนื่องยาวนานตลอดมา
 

ผู้ใดที่คิดร้าย ทำลายสถาบันหรือหลบหลู่ดูหมิ่น จาบจ้วง ล่วงละเมิดหรือกระการมิบังควร ต่อองค์พระมหากษัตริย์ ย่อมเป็นสิ่งที่ประชาชนชาวไทยไม่อาจยอมรับการกระทำนั้นได้ บุคคลที่กระทำการดังกล่าว ต้องได้รับโทษอย่างหนักตามกฎหมายอาญาของบ้านเมืองตลอดมา โดยมิได้ละเว้น และไม่ว่าบ้านเมืองจะมีการปกครองโดยรัฐบาลใดก็ตาม ประเทศไทยและรัฐบาลไทยทุกรัฐบาล ก็มิเคยปล่อยปละละเลยให้ผู้ใดกระการเยี่ยงนั้นโดยเหิมเกริมเช่นปัจจุบัน
 

บัดนี้ในบ้านเมืองของเรา มีกลุ่มและคณะบุคคลจำนวนหนึ่ง ได้บังอาจกระทำการอันหยาบช้า โดยพวกเขาได้อ้างเอาคำว่า “ประชาธิปไตย” บังหน้า แต่จิตใจและการกระทำของพวกเขาล้วนแต่มีพฤติกรรมชั่วช้าหามีความเป็น ประชาธิปไตยแต่อย่างใดไม่  
 

การชุมนุมของพวกเขาไม่เคารพกฎหมายและขื่อแปของบ้านเมือง ไม่เคารพต่อสิทธิ เสรีภาพ ของผู้อื่นแต่อย่างใด ปากอ้างการปฎิรูปให้ดีขึ้น แต่การกระทำกลับย่ำยีประเทศชาติให้เลวร้ายตกต่ำลงทุกวัน พวกเขาพูดจาปราศรัย ด้วยถ้อยคำหยาบคาย ถ่อยสถุล โดยไร้เหตุผล อย่างต่ำทรามที่สุดเหมือนพ่อแม่ไม่เคยสั่งสอน ไร้ความเคารพต่อผู้ใหญ่ครูอาจารย์ เย่อหยิ่งทนงตนอวดเก่งอวดรู้ ไม่ต่างจากพวกกบในกะลาครอบ
 

สะเอ่อะทำตนเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงประเทศ ทั้งที่ตนเองเป็นได้เพียงหุ่นเชิดของพวกอาจารย์ถ่อย นักวิชาการเลว ที่ตั้งตนเป็นปฏิปักษ์ต่อชาติ เนรคุณต่อแผ่นดิน พวกเขาถูกคนเลวและโจรต่างชาติครอบงำ ชักใย หลอกใช้เป็นเครื่องมือ แต่อวดดีทนงตนไม่รู้สำนึกผิดชอบชั่วดี

ที่สำคัญที่สุดคือการเรียกร้องของพวกเขา ที่กล่าวปราศรัยโจมตี ใส่ร้าย หมิ่นประมาท ดูหมิ่น และแสดงความอาฆาตมาดร้าย รวมถึงเจตนาการประทุษร้ายต่อชีวิตและเสรีภาพ ต่อพระมหากษัตริย์ พระราชินี และรัชทายาท ถือเป็นการกระทำที่พวกเขาไม่สิทธิที่จะกระทำได้ พฤติกรรมของพวกเขาเป็นการกระทำความผิดทางอาญาโดยเจตนา มิใช่เป็นการแสดงความคิดเห็นทางการเมือง หรือการใช้สิทธิ เสรีภาพ ของตนภายใต้รัฐธรรมนูญแต่อย่างใด  
 

โดยเฉพาะพฤติกรรมการชุมนุมครั้งหลังสุดเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา บริเวณท้องสนามหลวงและใก้ลเขตพระบรมมหาราชวัง ที่กลุ่มผู้ชุมนุมกล่าวหาโจมตีใส่ร้ายต่อสถาบันกษัตริย์ด้วยถ้อยคำหยาบคายชั่วช้าและเป็นเท็จ แสดงการลบหลู่พระเกียติ ดูหมิ่นหรือแสดงความอาฆาตมาดร้าย ส่อเจตนาจะบุกไปถึงพระบรมราชวัง ถือเป็นการกระทำเกินกว่าที่ปวงชนชาวไทยจะทนรับต่อการกระทำนั้นได้
 

รัฐบาลพึงตระหนักว่า ความอดทนของชวงชนชาวไทยส่วนใหญ่ที่สุด ที่มีความจงรักภักดีใก้ลถึงขีดสุดเต็มทน คนไทยเริ่มทนต่อพฤติกรรมสถุลถ่อยของคนส่วนน้อยหยิบมือเดียวไม่ได้ โอกาสที่อาจลงมือจัดการกับคนเหล่านั้นด้วยตนเองกำลังจะเกิดขึ้น คำถามดังๆ จึงมีถึงรัฐบาล พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่ารัฐบาลกำลังคิดและทำอะไร ทำไมจึงปล่อยให้คนถ่อยเหล่านั้น กระทำการเหิมเกริมและท้าทายต่อสถาบันกษัตริย์ โดยกระทำผิดต่อกฎหมายครั้งแล้วครั้งเล่า
 

ทั้งๆ ที่รัฐบาลมีหน้าที่โดยตรงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 52 รัฐต้องพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ เอกราช อธิปไตย บูรณภาพแห่งอาณาเขต เกียรติภูมิและผลประโยชน์ของชาติ ความมั่นคงของรัฐและความสงบเรียบร้อยของประชาชน และมาตรา 53 รัฐต้องดูแลให้มีการปฏิบัติตามและบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ประกอบกับคำแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรีต่อรัฐสภา ข้อ 1.การปกป้องและเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยยืนยันและแถลงว่า สถาบันพระมหากษัตริย์มีความสำคัญยิ่งต่อประเทศและประชาชนชาวไทย  
 

รัฐบาลถือเป็นหน้าที่สำคัญที่จะเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์และปกป้องรักษาพระบรมเดชานุภาพด้วยความจงรักภักดีนั้น รัฐบาลได้ทำอะไรบ้างตามหน้าที่และนโยบายของตน การปล่อยให้กลุ่มคนถ่อยสถุลเพียงหยิบมือเดียว กระทำย่ำยี จ้วงจาบหยาบช้าล่วงละเมิดต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ในทุกๆ วัน ถือเป็นการกระทำหน้าที่ของรัฐเต็มกำลังหน้าที่แล้วหรือไม่  
 

รัฐมีกลไกอำนาจทั้งกฎหมาย เจ้าหน้าที่รัฐ และเครื่องมือสื่อสารประชาสัมพันธ์ครบมือ มีทีวี วิทยุ กระทรวงดิจิตัล และอื่นๆ สารพัด ทำไมจึงปล่อยให้มีการละเมิดกฎหมาย ล่วงเกินต่อสถาบันในทุกๆ วัน จนประชาชนเห็นว่ารัฐบาลงอมืองอเท้า ปล่อยให้สถาบันเผชิญหน้ากับกลุ่มม็อบโดยลำพัง ปล่อยให้ประชาชนต้องออกหน้ามาเผชิญกับผู้ชุมนุมเอง อันมีโอกาสสุ่มเสี่ยงที่อาจเกิดการจลาจล คนไทยฆ่ากันเอง เข้าทางต่างชาติที่วางแผนและจ้องทำลายไทย
 

ถึงวันนี้รัฐบาลไม่อาจลอยตัวอยู่เหนือปัญหานี้อีกต่อไป รัฐต้องทำหน้าที่ของตนตามหน้าที่โดยเต็มกำลัง เพื่อการปกป้องสถาบันกษัตริย์ โดยไม่มีข้ออ้างใดๆ หากยังลอยตัว ไม่เด็ดขาดและไม่ปฏิบัติตามกฎหมายโดยเคร่งครัด รัฐบาลอาจกลายเป็นผู้ทำลายความมั่นคงแห่งรัฐเสียเอง และอาจถูกประชาชนส่วนใหญ่ที่ทนต่อการกระทำไม่ได้ ลุกขึ้นมาสู้และจัดการกับผู้ละเมิดสถาบันเสียเอง ถึงวันนั้นรัฐบาลก็มิอาจอยู่ในอำนาจได้อีกต่อไป อย่างเลี่ยงมิได้ เพราะนั่นคือความบกพร่องอย่างร้ายแรงของรัฐบาล