อานิสงส์ของ โจ ไบเดน

06 พ.ย. 2563 | 06:41 น.

อานิสงส์ของ โจ ไบเดน : คอลัมน์เมาธ์ทุกอำเภอ ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3625 หน้า 13 ระหว่างวันที่ 8-11 พ.ย.2563 Byย...เจ๊เมาธ์

>> ในที่สุด นายโจ ไบเดน ก็กลายเป็นผู้ชนะในศึกชิงตำแหน่งประธานาธิบดีอย่างที่โพลล่วงหน้าของหลายสำนักคาดการณ์กันเอาไว้ แน่นอนว่าจากนี้ไปก็จะต้องมีปรับตัวใหม่ๆ เพื่อให้สอดคล้องกับประธานาธิบดีคนใหม่ด้วยเช่นกัน ส่วนหุ้นที่จะได้อานิสงส์จากการที่ นายโจ ไบเดน ชนะก็น่าจะเป็นดังนี้

           

1. ไบเดน มีนโยบายที่สนับสนุนพลังงานสะอาด เพราะฉะนั้นกลุ่มโรงไฟฟ้า และอื่นๆ ที่จะได้ประโยชน์จากราคานํ้ามันที่ถูกลง เช่น GULF-BGRIM-EA-SUPER-GPSC-PTG-BGC-DCC

  

2. การเปิดโต๊ะเจรจากับประเทศคู่ค้าอย่างอิหร่าน และเวเนซูเอลาใหม่ จะเป็นบวกต่อ TASCO ที่ถูกบีบให้ระงับการทำธุรกิจกับเวเนซูเอลา

  

3. ทีมบริหารของไบเดน ที่ทำให้ข้อพิพาทระหว่างสหรัฐ-จีน ผ่อนคลายลง และอาจนำไปสู่การปรับลดภาษีลงได้ ทำให้ภาพรวมการค้าโลกดีขึ้น เป็นผลดีต่อสินค้าโภคภัณฑ์และอุตสาหกรรมเดินเรือ TTA-TVO-PSL-LEO

           

อย่างไรก็ตาม การที่ ไบเดน ชนะก็จะทำให้เกิดภาวะเงินไหลกลับไปที่สหรัฐอเมริกาอีกครั้งเพราะจะต้องมีเรื่องของการกระตุ้นเศรฐกิจครั้งใหม่ออกมาอย่างแน่นอน รวมทั้งจะเกิดการอ่อนค่าของเงินเหรียญสหรัฐซึ่งก็จะทำให้บริษัทที่ทำธุรกิจกับต่างชาติมีโอกาสที่จะมีรายได้จากอัตราแลกเปลี่ยนด้วยเช่นกัน

>> IVL ของนักลงทุนใหญ่ “อาลก โลเฮีย” ได้โอกาสขยับราคาขึ้นมาจากการที่ทางพรรค “เดโมแครต” มีนโยบายเรื่องสนับสนุนพลังงานสะอาด ซึ่งจะทำให้ต้นทุนการผลิตของอุตสาหกรรมปิโตรเคมีสามารถลดต้นทุนได้จากการที่ราคานํ้ามันที่ถูกลง ในขณะเดียวกันก็มีการประเมินว่าในไตรมาสที่ 3/63 ทาง IVL ก็น่าจะยังพอมีกำไรขึ้นมาได้ราวๆ 1.5 พันล้าน ซึ่งถึงแม้ว่าเงินจำนวนนี้อาจจะไม่ได้ดูดีอะไร แต่ก็น่าจะทำให้ IVL ขยับราคาขึ้นไปอีกได้บ้างนะคะ ส่วนทางไตรมาสสุดท้าย 4/63 ก็น่าจะดีขึ้นไปอีกค่ะ

         

>> เหมือนกันกับทาง CPALL ที่ราคาหุ้นถูกดองเค็มมานาน แต่พอนายโจ ไบเดน ชนะการเลือกตั้งราคาหุ้นก็ขานรับทันที เพราะนอกจากจะยืนยันว่าไม่จำเป็นที่จะต้องเพิ่มทุน ในขณะเดียวกันกระบวนการควบรวมกับเทสโก้ก็ชัดเจนแบบไม่มีปัญหา รวมถึงแนวทางการเจรจาธุรกิจระหว่างสหรัฐกับจีนก็จะเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น ซึ่งเมื่อพิจารณาจากตัวแปรต่างๆ ก็จะเห็นว่าที่ CPALL น่าสนใจขึ้นมาอีกมาก ขณะที่ บล.เอเชีย เวลท์ ให้เป้า CPALL เอาไว้สูงถึง 85 บาท ส่วนทาง บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส ให้เป้าไว้ที่ 80 บาท ดังนั้นเจ๊เมาธ์จึงมองว่าตอนนี้ CPALL ดูน่าสนใจมากนะคะ ถ้าใครชอบ...ถึงตอนนี้ก็ลุยได้แล้วค่า

>> ขณะเดียวกัน การมาของนายโจ ไบเดน ก็อาจจะทำให้หุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์อย่าง DELTA KCE และ HANA อาจจะมีอาการสะดุดไปบ้าง เพราะที่ผ่านมาหุ้นเทคโนโลยีและอีเล็กทรอนิกส์ต่างก็ได้รับอานิสงส์ และขานรับนโยบายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มานานเป็นปี ดังนั้นถึงตอนนี้นักลงทุนอาจจะต้องพิจารณาเงื่อนไขนี้ด้วยนะคะ ตอนนี้หุ้นในกลุ่มหลายตัวแพงกว่าเป้าหมายที่นักวิเคราะห์ประมาณการเอาไว้สูงมากแล้วค่ะ ถ้ามีการปรับพื้นฐานราคาหุ้นขึ้นมา...อย่าหาว่าเจ๊เมาธ์ไม่เตือนนะคะ

         

>>หลังจากการเข้าตลาดวันแรกของหุ้นโลจิสติกส์ อย่าง LEO ก็ไม่ได้ทำให้นักลงทุนผิดหวัง แต่ทางที่ดีเจ๊เมาธ์ เห็นว่าหุ้นตัวนี้อาจจะต้องมองกันให้นาน เพราะในอนาคตอันใกล้จะมีหลายอย่างที่เป็นข่าวดีกับธุรกิจพาเหรดเข้ามาหาหุ้นตัวนี้ ไม่ว่าจะเป็นผลการดำเนินงานประจำไตรมาสที่ 3, 4/63 การเข้าไปจับมือกับพันธมิตรเพื่อขยายกิจการในกลุ่มประเทศ CLMV หรือเร็วนี้อาจะได้เห็นการจับมือกับพันธมิตรในประเทศยักษ์ใหญ่เพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจ E-Commerce ที่กำลังเป็นธุรกิจมาแรงในปัจจุบันนี้ เอาเป็นว่าหุ้นตัวนี้น่าสนใจดีนะคะ ต้องจับตาดูกันยาวๆ นะคะ