STARK ของดีในมือกองทุน

02 พ.ย. 2563 | 01:30 น.

STARK ของดีในมือกองทุน : คอลัมน์เมาธ์ทุกอำเภอ ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3623 หน้า 13 ระหว่างวันที่ 1-4 พ.ย.63 โดย... เมาธ์ทุกอำเภอ

@@@ การกลับมาแพร่ระบาดโควิด-19  ในรอบ 2 นี้  วิกฤตินี้ส่งผลกระทบรุนแรง ทั้งในยุโรป และ อเมริกา ตลาดหุ้นถูกทุบสาหัส โดยเฉพาะดาวโจนส์ ตกวันละหลายร้อยจุด ฝั่งตะวันตก ก็ใช่น้อย ถูกเทขายหนักที่สุดในรอบ 4 เดือน หลังจากที่เยอรมันได้ประกาศ Lockdown ตามประเทศฝรั่งเศส ส่วนทางประเทศอังกฤษที่ได้ประกาศ Lockdown มาแล้วก่อนหน้านี้ ก็มีแนวโน้มว่าจะต้องใช้มาตรการที่เข้มข้นในการควบคุมให้มากยิ่งขึ้น เนื่องจากกังวลว่า ฤดูหนาวที่กำลังจะมาถึงจะทำให้สถานการณ์การแพร่กระจายของเชื้อ โควิด-19 ลุกลามหนักยิ่งกว่าเดิม

 

ในส่วนของสหรัฐอเมริกา นอกจากการมีผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก ในที่สุดความหวังที่ว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่จะออกมาได้ทันช่วงก่อนการเลือกตั้งก็ต้องสิ้นสุดลง เพราะเวลาที่จะถึงวันเลือกตั้งใหญ่อีกเพียงไม่กี่วัน ซึ่งความสิ้นหวังจากเงินที่จะเข้ามาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ก็ทำให้หุ้นถูกเทขายออกมาจนดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปรับลงถึงเกือบ 1,000 จุด ในขณะที่ทั้งราคาน้ำมันดิบและทองคำต่างก็ถูเทขายออกมา   

 

ทางด้านหุ้นไทย ดัชนีหลุดแนวต้าน 1,200 จุด ต่ำที่สุดในรอบ 6 เดือน นอกจากเรื่องของดัชนีหุ้นต่างประเทศและราคาน้ำมันดิบที่เป็นปัญหา เรื่องของความขัดแย้งทางการเมืองที่ยังมืดมนและมองไม่เห็นทางออกก็มีส่วนด้วยเช่นกัน

 

อย่างไรก็ตาม สุภาษิตของนักเล่นหุ้นที่บอกว่า “จงกล้าในเวลาที่คนอื่นกลัว” ก็ยังน่าจะเป็นทางออก และยังพอใช้ได้กับสถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยในปัจจุบัน อย่างน้อยที่สุด...นักลงทุนที่กล้าซื้อหุ้นในช่วงเวลาเริ่มต้นของการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ในช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน ก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าประสบผลสำเร็จในการทำกำไรมาแล้วหลายราย

@@@ ทันทีที่เจ๊เมาธ์เห็นราคาหุ้นของ TASCO ปรับราคาขึ้นมาแรง ๆ มันทำให้เจ๊เมาธ์เป็นห่วงว่า แฟนคลับของเจ๊ จะมองแค่ราคาหุ้นที่ขยับขึ้น แต่ลืมดูเทคนิคระยะสั้น ที่ราคาหุ้นลงไปถึงแนวรับแล้วก็เด้งขึ้นเพียงชั่วคราว และลืมพิจารณาเรื่องของปัจจัยพื้นฐานประกอบไปด้วย

 

ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากพื้นฐานของธุรกิจของ TASCO มีสาเหตุจากการที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ดำเนินมาตรการคว่ำบาตรทางธุรกิจกับประเทศเวเนซุเอลา และเนื่องจากโรงกลั่นน้ำมันที่ประเทศมาเลเซียของ TASCO เป็นโรงกลั่นที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อใช้กับน้ำมันดิบชนิดหนักของเวเนซุเอลา โดยเฉพาะเพื่อที่จะผลิตยางมะตอยให้ได้มากที่สุด และโรงกลั่นที่ประเทศมาเลเซียถือว่าเป็นฐานกำลังหลักที่ผลิตยางมะตอยมากกว่า 50% ของปริมาณการขายรวมทั้งหมดของ TASCO ดังนั้น การห้ามทำธุรกิจกับเวเนซุเอลาของอเมริกา จึงไม่ต่างจากคำสั่งปิดโรงกลั่นน้ำมันแห่งนี้ คำสั่งนี้จึงผลกระทบโดยตรงกับพื้นฐานทางธุรกิจของ TASCO นั่นเอง  

 

@@@ STGT กับ STA ยังเป็นหุ้นคู่แม่ลูกที่ได้อานิสงส์การแพร่ระบาดรอบ 2 ของเชื้อไวรัส โควิด-19 ซึ่ง STA นอกจากได้อานิสงส์ราคายางมะตอยที่ขยับสูงขึ้นไปถึงกิโลกรัมละ 70 บาท ยังขายผลิตภัณฑ์ยางมะตอยให้ STGT ได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยอีกด้วย  

           

มีการประเมิน ความต้องการถุงมือยาง จะลากยาวไปจนถึงปี 2565 โน้นเลยทีเดียว ในขณะที่ บล.หยวนต้า แนะนำ "ซื้อ" STGT ราคาเป้าหมาย 103 บาท/หุ้น โดยคาดว่ากำไรไตรมาส 3/63 จะออกมาสูงถึง 3,134 ล้านบาท ส่วนแนวโน้มไตรมาส 4/63 กำไรนิวไฮต่อเนื่องอีกราวๆ 4,000 ล้านบาท ขณะที่ บล.เคทีบี แนะนำ "ซื้อ" หุ้นแม่อย่าง STA โดยให้เป้าหมายราคาที่ 41 บาท/หุ้น โดย บล.หยวนต้า ได้ประเมินกำไรสุทธิของ STA ในปี 2563 อยู่ที่ 4.6 พันล้านบาท ดีขึ้นจากขาดทุนในปีก่อน 149 ล้านบาท และคงกำไรสุทธิปี 2564 อยู่ที่ 4.8 พันล้านบาท

 

สำหรับเจ๊เมาธ์ เจ๊มองว่าถึงแม้ราคาหุ้นของ STGT อาจจะสูงไปมากแล้ว แต่ถ้าจะให้เกาะกระแสเดย์เทรดก็น่าจะพอทำได้ และในของส่วนของหุ้นแม่อย่าง STA รายนี่ยังไม่อันตรายเท่าไหร่...ยังพอไปได้ค่ะ 

 

@@@ ทำเอาสาวก รองเท้าเขียว หุ้นกรีนชู ตกอกตกใจเมื่อเห็นราคาหุ้น SCGP หลุดลงไปที่ 32 บาทกว่าๆ แต่ถ้าถามมุมมองของเจ๊เมาธ์ ก็ยังบอกว่าเป็นไปตามความคาดหมายนะคะ เพราะถึงอนาคตดียังไง แต่ในช่วงเริ่มต้นก็ต้องมีแรงเขย่าให้หุ้นในมือนักลงทุนรายย่อยหลุดกลับไปหารายใหญ่อยู่ดี ดังนั้น จึงวนกลับมาที่เรื่องการหาจังหวะเข้าที่ดีให้ได้ค่ะ  

อย่างไรก็ตาม ผลการดำเนินงานในช่วง 9 เดือนของ SCGP ก็มีกำไรถึง 4,971 ล้านบาท ลดลงบ้าง เมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาส แต่ก็เพิ่มขึ้นถึง 22% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา เอาเป็นว่า ต้องหาจังหวะเข้าให้ดี ตอนนี้เล่นสั้นยังไม่ได้....หุ้นตัวนี้เหมาะกับการที่จะถือไปยาว ๆ  ถึงจะทำเงินได้นะคะ เวลาเท่านั้นจึงจะเอาชนะได้ค่ะ  

 

@@@ หุ้นในกลุ่มธนาคารอย่าง KBANK BBL SCB และ KTB ที่ล้วนแล้วผ่านการแจ้งผลกาดำเนินงานออกมาทำให้เห็นได้ว่าปี 2563 นี้ เป็นปีที่ยากลำบากของธุรกิจธนาคาร เพราะไม่ว่าจะเป็นปัญหาเรื่องของโรคระบาด หรือปัญหาที่มีมาก่อนหน้าอย่างเรื่องของ Disruptions ก็ล้วนแล้วแต่มาขมวดรวมกันจนทำให้อัตราส่วนในการทำกำไรของธนาคารเปลี่ยนไป แต่ถ้ามองในมุมของการลงทุนในระยะยาว เจ๊เมาธ์ก็ยังมองว่าหุ้นธนาคารดูจะมีอนาคตที่ยังใช้ได้อยู่นะคะ ไม่ว่าจะเป็นของมูลค่าหุ้นที่สูงกว่าราคาหุ้นหน้ากระดาน เรื่องค่า P/E ที่ค่อนข้างจะต่ำกว่าหุ้นในกลุ่มอื่น ยังมีเรื่องของการปันผลที่หุ้นธนาคารยังมีโอกาสที่จะทำได้ เพราะฉะนั้นถ้าใครคิดไม่ออกว่าจะถือยาวในหุ้นกลุ่มไหน เจ๊ก็แนะนำให้มองที่หุ้นกลุ่มธนาคารพวกนี้ได้เลยนะคะ ของดีราคาถูก...ของจริงค่ะ

 

@@@ แฟนๆๆ หุ้น STARK  ที่บาดเจ็บจากราคาหุ้นช่วงนี้ ก็พ่อเล่นลงมาหลุด 1.90 บาท เอาซะเกือบฟลอร์ หลังหุ้นใหญ่ วนรัชต์ ตั้งคารวคุณ เฉือนหุ้นออกมา 2,250 ล้านหุ้น หรือ 10% เศษ โยนขายบิ๊กล็อต ให้กองทุนชื่อดังต่างประเทศ และกองทุนไทย รวมไปถึงเสี่ยใหญ่ไม่กี่ราย มาเป็นสีสันหุ้นตัวนี้ ... ที่ร่ายมาทั้งหมดดูเข้าท่าสุดๆๆ แล้ว แต่มาเสียตรงที่ราคาบิ๊กล็อตนี่สิ 1.40 บาท จะดีสเค้า เยอะไปไหนค่ะคุณพี่ขา เพราะกระดาน 2 บาท +-  การขายราคานี้ 1.40 บาท เหมือนเอาเงินไปไล่แจก ส่วนต่างกำไร เกือบ 50 สตางค์ เป็นเจ๊เมาธ์ก็ต้องขายค่ะ ทนใจ-ทนกำไรไม่ไหวจริงๆ นะคะ ...ที่สำคัญต้องอดทนรอ คือ การ นั่งฟินๆๆ ดูการเติบโตของรายได้และกำไรค่ะ ปีนี้ไม่ต่ำกว่า 1,500 ล้านบาท ปีหน้าก็ใช่ย่อย รับเต็มๆๆ โรงงานสายไฟเวียดนาม ....หุ้นเติบโตดี พื้นฐานมั่นคง และราคาต่ำขนาดนี้ ใกล้กองทุนซื้อ เจ้คงอดใจไม่ได้ ที่จะปล่อยผ่านไปเฉยๆๆ จัดสิจ๊ะ รออะไร  

 

@@@ ซีอีโอ ฉาวโฉ่แห่งปีนี้ ต้องยกให้  “ซีอีโอ ป.” นักธุรกิจ นักบุญ เพราะปีนี้มีแต่เรื่อง นี่ขนาดทำบุญหนัก ผถห.ยังปลดออกจากซีอีโอ เกี่ยวกับเรื่องเงินๆๆ ทองๆๆ เหมือนเดิม ...เจ้เมาธ์ว่านะ  เรื่องแบบนี้ อยู่ที่การกระทำ ทำดีย่อมได้ดี ไม่ต้องออกสื่อ ความดีที่ทำจะคุ้มครองท่านเอง