#ดาวมฤตยูผู้อาถรรพ์

30 ต.ค. 2563 | 00:37 น.

ราช รามัญ คอลัมนิสต์ "คนมากับดวง" ฐานเศรษฐกิจ โพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊ก ราช รามัญ นักเขียน พยากรณ์ ทำนายดวงเมืองหัวข้อ #ดาวมฤตยูผู้อาถรรพ์ ใจความว่า

 

ด้วยการบ้านสร้างเมืองนั้น ตามคติโบราณกาล จะใช้ต้นราศีเป็นจุดเริ่ม ต้นราศี คือ ราศีเมษ และต้องวางดาวอาทิตย์ หมายถึง ทหาร ผู้กล้าหาญเสียสละเพื่อชาติและแผ่นดินเป็นดาวกุมลัคนาราศีเมษไว้เสมอ

#ดาวมฤตยูผู้อาถรรพ์

ดาวมฤตยู(๐) หมายถึง ดาวอาถรรพ์ เป็นการแสดงออกถึงความหมายว่า  สูญเสียเปลี่ยนแปลง เริ่มต้นอาจจะทันสมัยสุดหรือโบราณสุด ก็ขึ้นอยู่กับดาวตั้งรับดวงอื่นๆที่จรมาผสมโรง

 

ทุกๆ 84 ปี ดาวมฤตยูจะจรมาทับลัคนาราศีเมษหนึ่งครั้ง หรืออาจกล่าวได้ว่า ชั่วอายุคนหนึ่งคนจรมาครั้งหนึ่ง เพราะดาวมฤตยูใช้เวลาในการเคลื่อนและสถิติในแต่ละราศีเป็นเวลา 7 ปี กว่าจะครบ 12 ราศีประมาณ 84 ปี

 

เดือนเมษายน พ.ศ.2310 ดาวมฤตยูกุมราศีเมษ วันนั้นกรุงศรีอยุธยาแตกพ่ายยับต่อหงสาวดี

 

21 เมษายน 2325 ตั้งกรุงรัตนโกสินทร์ วางลัคนาตามคติโบราณที่ราศีเมษมีดาวอาทิตย์กุมลัคนา

ครั้นเมื่อถึงพ.ศ.2393 ดาวมฤตยูกุมลัคนาราศีเมษระยะเวลา7ปี ก็เกิดเหตุมีโรคระบาดแล้ว ในปีต่อมามีการมงคล คือ เป็นวันบวรราชาภิเษกของพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔

 

กรกฏาคม พ.ศ.2475  ดาวมฤตยูเวียนมาอีกครั้ง ในกาลนี้มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองของคณะราษฎร และเหตุการอื่นๆตามที่ปรากฏทางวิชาการประวัติศาสตร์

 

มีนาคม  พ.ศ. 2559  ดาวมฤตยูได้เวียนมาอยู่ในราศีเมษอีก7 ปี กระทั่งปีพศ2565 แล้วจึงจรจากไป ส่วนจะเกิดเรื่องราวใดบ้าง ก็ตามที่ปรากฏ แต่จะเป็นไปทางด้านการเมืองเสียส่วนมาก

 

การรู้เรื่องดวงดาว ทำให้เรามองเห็นอดีตที่ไม่เคยแตกต่าง เป็นสถิติที่แม่นยำเสมอ เพราะทุกสรรพสิ่งก็เป็นเช่นนี้เอง เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และ ดับไป

 

ต่อเมื่อมีผู้ถามว่า ใจความใหญ่ๆจะเกิดอะไรบ้าง

 

จึงได้พยากรณ์ไปว่า... ทหารจะอยู่ในกรอบวินัยเคร่งครัดมากขึ้น แข็งแรงขึ้น

 

วิธีการปกครองจะเปลี่ยนไปอย่างทันสมัยสุดในระนาบของการเมือง นักโกงเลือกตั้ง นักโกงเมืองที่ชอบเล่นลิ้นสร้างวาทะกรรมจะหมดไปไร้ผู้คนศรัทธา จะเป็นการเมืองยุคข้อมูลจริงมากกว่าข้อมูลเท็จ

 

ประชาชนจะขับไล่นักการเมืองเหมือนหมูเหมือนหมาถ้าทำไม่ดี นักการเมืองต้องอ่อนน้อมถ่อมตน ถ้าทำตัวกร่างประชาชนจะพาทัวร์มาลงนอกสภา

 

การปกครองของประเทศไทยก็เป็นประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข มิอาจที่จะเปลี่ยนแปลงให้เป็นระบอบอื่นได้ ด้วยเพราะบุญวาสนาบารมีของแผ่นดินนี้มิอาจขาดซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ได้

 

จากประวัติศาสตร์ ในยุคพ.ศ.2475 แม้น่าเกรงขามเกรงกลัวปานไหน สุดท้ายก็มิอาจล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ได้ด้วยเพราะดวงชะตาเมือง นับแต่อดีตกาลจวบปัจจุบันก็เป็นเช่นนี้แล