ส.ส.กรีดเลือดกลางสภา ไร้วุฒิภาวะ ไร้เกียรติ

30 ตุลาคม 2563

ส.ส.กรีดเลือดกลางสภา ไร้วุฒิภาวะ ไร้เกียรติ : คอลัมน์ฐานโซไซตี ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3623 หน้า 4 ระหว่างวันที่ 1-4 พ.ย.2563 โดย...กาแฟขม

         

          *** อะไรที่ไม่คิดจะได้เห็น ก็เห็น อะไรที่คิดว่าจะไม่เกิด ก็เกิด เข้าใกล้สังคมล้มเหลวเข้าไปทุกที สังคมอำนาจนิยม สังคมเอาตัวเองเป็นใหญ่ เมื่ออยู่ๆ ป้าคนหนึ่งลุกขึ้นมาตบตีทำร้ายเด็กนักเรียน เพียงแค่เธอ เด็กน้อยคนนั้น ไม่ได้ลุกขึ้นยืนเคารพธงชาติในเวลา 18.00 น. ทั้งที่มีเหตุเจ็บป่วยของร่างกาย สังคมที่คนไม่ฟังเหตุผลซึ่งกันและกัน สังคมที่คนพร้อมจะทำร้ายคนคิดต่าง สังคมของคนที่พร้อมไม่เคารพและปฏิบัติตามกฎหมาย พัฒนาการต่อไปจะเป็นอย่างไร อีกหน่อยจะไม่หยิบอาวุธเข้ามาห้ำหั่นกันหรือ เรามาถึงจุดนี้กันได้อย่างไร จะเดินกันไปอย่างนี้จริงๆ หรือ

          *** ถกเถียงกันหน้าดำคร่ำเครียด 2 วันในรัฐสภา ยังไม่มีทางออกจากหลุมดำ ไม่เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ แต่ก็นับเป็นนิมิตรหมายที่ดี ที่ผู้แทนปวงชนได้ถกเถียงเรื่องสำคัญของชาติ แม้ยังวนๆ ในอ่าง สางแค้น และมุ่งช่วงชิงเข้าสู่อำนาจมากกว่าหาทางออกประเทศ แต่ช่วงท้ายๆ ไม่สวยเอาเสียเลย เมื่อ ส.ส.วิสาร เตชะธีราวัฒน์ จากจังหวัดเชียงราย ดันเอามีดกรีดแขนประท้วง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี อันนี้ต้องขอประณามส.ส.วิสาร ที่กระทำเช่นนั้น เป็นการกระทำรุนแรง ไร้วุฒิภาวะ ไม่เหมาะสมกับเป็นผู้แทนปวงชนชาวไทย ไม่เป็นแบบอย่างที่ดีให้กับเด็กและเยาวชน ไม่เหมาะสมกับการเป็นผู้ทรงเกียรติ ควรจะลาออกจากส.ส.ไปดำเนินกิจกรรมตามความคิดของตัวเองนอกสภาฯเสีย

          *** การเมืองเดือดก็ว่ากันไปแต่ภาคธุรกิจหยุดนิ่งไม่ได้ เมื่อภายในซึมๆ ผู้ที่มีทุน มีกำลังก็วิ่งไปหาโอกาสข้างนอก ผู้ผลิตอาหารยักษ์ใหญ่ของไทยซีพีเอฟ ได้รับไฟเขียวจากผู้ถือหุ้นรายย่อยให้เข้าซื้อกิจการผลิตสุกรครบวงจรในจีน ทำให้มีกิจการเพิ่มขึ้นหลังมีอยู่แล้ว ทั้งในเวียดนาม กัมพูชา  มาเลเซีย และเริ่มลงทุนในฟิลิปปินส์ และร่วมลงทุนในรัสเซีย แคนาดา การเข้าไปในจีนทำให้มีโอกาสสูง จากการเลี้ยงสุกรในจีนส่วนใหญ่เป็นรายย่อยเกินครึ่งและเมื่อมีโรคระบาด AFS ก็สร้างความเสียหาย การเข้าไปทำแบบครบวงจรและผลิตตามมาตรฐานความปลอดภัยในจีน ผลักดันให้บริษัทก้าวขึ้นเป็นผู้นำผู้ผลิตสุกรโลก

          *** สัญญาณดี สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม บอกวันก่อนดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเดือนกันยายน 2563 ขยับปรับสูงขึ้นไปใกล้เคียงกับช่วงก่อนเกิดโรคระบาดโควิด-19แล้ว ขอให้ฟื้นตัวต่อเนื่องยาวๆ อุตสาหกรรมที่นำมาเป็นอุตสาหกรรมอาหาร อุตสาหกรรมยาก็ฟื้นยาวต่อเนื่อง อุปโภค บริโภคเริ่มดีขึ้น ฟันธงเปรี้ยงต้องใช้โอกาสจาการควบคุมโรคโควิด-19 ได้ดีเป็นจุดแข็งดึงดูดนักลงทุนเข้ามาในประเทศต่อยอดอุตสาหกรรมที่มีขีดความสามารถ เร่งผลักดันกันให้เต็มสูบ ช่วยกันคนละไม้ละมือ ก็ยังพอเห็นทาง ไม่ให้นักลงทุนหนีไปเวียดนามกันหมด

          *** ว่าด้วยเรื่องอุตสาหกรรม อันที่จริงโดยศักยภาพ วัตถุดิบ ความพร้อม ไทยสามารถเป็นผู้นำในการผลิตถุงมือยางโลก ซึ่งมีความต้องการของตลาดสูงมาก แต่ไม่คิดขยับกัน ทั้งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงอุตสาหกรรม เห็นมาเลเซียโลดแล่นแล้วหันมามองบ้านเราได้แต่เพลียใจ มีโอกาสแต่ไม่ไขว่คว้า แทนที่จะปล่อยให้โรงงานทิ้งร้างกิจการล้มละลาย แค่ปรับสายพานการผลิต ซึ่งถุงมือยางก็ไม่ได้ซับซ้อนอะไรหนักหนาแต่ไม่คิดทำกัน ลุยหน่อยเถอะ เฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรฯ ลองสั่งการให้การยางแห่งประเทศไทย(กยท.) ขยับดู ไม่ใช่เอาแต่ปลาบปลื้มกับราคายางที่พุ่งสูงถึง 80 บาทต่อกก. นั่งปลื้มอย่างเดียวไม่พอ ถ้าไม่ทำให้เกิดความยั่งยืน เดี๋ยวราคาลงมาก็ต้องนั่งกลุ้มกันอีก

          *** โอกาสทองบรรดาเจ้าสัวทั้งหลาย เมื่อราคาคอนโดฯ อสังหาริมทรัพย์ โรงแรม ที่ดินลงมา 30-50 %กลุ่มที่มีเงินเย็น เงินถุง เงินถัง ก็สบช่องควักเงินออกมาซื้อไว้  AWC ในเครือ เสี่ยเจริญ สิริวัฒนภักดี ขยับก่อนใคร เมื่อมีผู้ประกอบการโรงแรมที่ประสบพิษภัยจากโควิด-19 นักท่องเที่ยวหาย รายได้หด ขาดเม็ดเงินหล่อเลี้ยงวิ่งโร่เข้ามาขายกว่า 100 ราย มีเงินก็เลือกช็อปเอาของดีๆ ไม่ลงทุนช่วงนี้ แล้วจะลงทุนช่วงไหน โควิด-19 ไม่ได้อยู่ตลอดไป เดี๋ยวได้วัคซีน ได้ยา สถานการณ์ดีขึ้น 2-3 ปี นักท่องเที่ยวก็เข้ามา ช้อนชั่วโมงนี้อีกไม่นานก็คืนทุน

          *** เซ็นกันไปแล้ว สัญญางานระบบราง ระบบไฟฟ้าและเครื่องกล รวมทั้งจัดหาขบวนรถไฟและจัดฝึกอบรมบุคลากร หรือสัญญา 2.3 พัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูง เชื่อมกรุงเทพมหานคร-หนองคาย มูลค่าโครงการ 50,633 ล้านบาท ระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา ระยะทาง 253 กิโลเมตร ประกอบด้วย กรุงเทพฯ (บางซื่อ) ดอนเมือง อยุธยา สระบุรี ปากช่อง และนครราชสีมา งบประมาณก่อสร้าง 179,412 ล้านบาท การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ลงนามร่วมกับ บริษัท ไซน่า เรลเวย์ อินเตอร์เนชั่นแนล และบริษัท ไชน่า เรลเวย์ ดีไซน์ คอร์เปอเรชั่น เปิดหวูดให้บริการกันได้ น่าจะโน่นอีก6ปีข้างหนี้ปี 2569นั่นแหล่ะ เป็นส่วนหนึ่งในจิ๊กซอว์อภิมหาโปรเจ็ก1ในเส้นทางรถไฟไทย-จีน ไล่ลงมาจากจีนเข้าลาว-ไทยต่อไปมาเลเซียถึงสิงคโปร์ตามยุทธศาสตร์เส้นทางสายไหมใหม่ของจีนที่จะเชื่อมกับโลก

          *** แผลแผล็บเดียว 4 ปี ก็ถึงวันอังคารแรกของเดือนพ.ย. ปีนี้ตรงวันที่ 3 พ.ย.2563 ที่คนอเมริกันต้องแห่กันออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งประธานาธิบดี โจ ไบเดนจากเดโมแครต ณ นาทีนี้ยังนำโดนัลด์ ทรัมป์ จากรีพับลิกันอยู่เล็กน้อย เที่ยวนี้ใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้ากันสะบัดมากกว่าครั้งไหนๆ ต้องคอยดูอีกที ที่สำคัญเลือกตั้งแล้วจะจบหรือไม่ หากผู้แพ้เป็นทรัมป์จะงอแงหรือไม่ต้องติดตามด้วยความระทึก ที่ต้องติดตามเกาะติดด้วยเหตุว่าไม่ว่าใครจะมาเป็นล้วนมีผลต่อโลกและไทยที่เป็นประเทศเล็กๆ คราวทรัมป์เข้ามา 4 ปีก่อน เริ่มเปิดฉากสงครามการค้ากับจีน เราก็สะบักสะบอมไปด้วยมาจนถึงทุกวันนี้