กายไหวใจสงบพบธรรม

28 ต.ค. 2563 | 22:00 น.

"กายไหวใจสงบพบธรรม" : คอลัมน์ ทำมา... ธรรมะ ​โดย​ ราช​ รามัญ


กายไหวใจสงบ คือเรื่องราวของการปฏิบัติธรรม ในรูปแบบที่ไร้รูปแบบ ซึ่งผู้ที่ริเริ่มในการคิด แนวทางการปฏิบัติเจริญสติ เจริญสัมปชัญญะ โดยอาศัยการเคลื่อนไหวแขน อย่างมีสติ  คือ หลวงพ่อเทียน​ จิตตฺสุโภ วัดสนามใน นนทบุรี​
 

หลวงพ่อเทียนเคยบีบแขนผมเบาๆ แล้วชวนมาอยู่วัด​และสอนผมยกมือเจริญสติให้ผมด้วย​ ผมกราบเรียนหลวงพ่อไปว่า​
 

"ผมอยู่วัดหลวงใหญ่กว่านี้"
 

ตอนนั้นผมเป็นแค่สามเณรน้อยๆ ไปวัดสนามในเพราะคุณแม่พาไป
 

กายไหวใจสงบพบธรรม

 

หลวงพ่อเทียน เดิมเป็นคนจังหวัดเลย มีความชื่นชอบในด้านการปฏิบัติธรรม นั่งสมาธิ ครั้งละนานๆ ติดต่อกันมาหลายปี แต่แล้ว คราวหนึ่งในช่วงชีวิตที่ยังเป็นฆราวาส หลังจากที่ท่านฝึกสมาธิเรียบร้อย​  ก็ดูเหมือนจิตสงบดี แต่เมื่อภรรยาของท่านเข้ามาพูดถึง เงินที่จะต้องจ่ายค่าหมอลำในงาน บุญของวัดแห่งหนึ่ง ท่านก็เกิดโมโหขึ้น เนื่องจากท่านได้สั่งไว้เรียบร้อยแล้ว ทำไมจึงจำไม่ได้ หลังจากนั้นท่านจึงคิดได้ว่า เราปฏิบัติมานาน ทำไมเรายังโกรธอยู่ ความโกรธในครั้งนี้ จึงทำให้ท่านมาพิจารณา ว่าสิ่งที่ท่านปฏิบัติมา ไร้ผล ท่านจึงคิดค้นหาวิธีใหม่ นั่งพลิกมือไปเคลื่อนมือมา ท่านทำอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งท่านสว่างไสว เหมือนน้ำหนักตัวหายไปครึ่งต่อครึ่ง เบากาย เบาใจและมีสติรู้ แจ่มแจ้ง
ในที่สุดท่านก็ได้พบ ปัญญาญาณ และการตื่นรู้ เท่าทันกิเลส และจัดการกับสิ่งนั้น จนหมดไปในที่สุด​

 

หลวงพ่อเทียน​  นามเดิมของท่าน พันธ์​  อินทผิว​ คนจังหวัดเลย เนื่องด้วยบุตรชายคนโตของท่านชื่อเทียน​ ก็เรียกกันว่า​ พ่อเทียนๆ​ จากนั้นจึงกลายเป็นหลวงพ่อเทียนสืบมาเมื่อท่านตัดสินใจออกบวชเมื่อค้นพบการปฏิบัติได้ชัดเจน​ คลายความปรุงแต่ง​ได้เห็นกายชัด​ ได้เห็นความคิดชัด​ ได้เห็นอารมณ์ชัด​ ไร้กิเลสใดๆจนหมดสิ้น
 

กายไหวใจสงบพบธรรม

หลวงพ่อเทียนท่านอ่านหนังสือไทยไม่ออก เขียนไม่ได้​  ท่านใช้วิธีการปฏิบัติอย่างเดียว  ท่านมาอยู่นนทบุรี​ ที่วัดชลประทานฯ​ ที่นี่ทำให้ได้พบกับเขมานันทะ​  จากนั้นจึงย้ายไป​ วัดสนามใน​ หลวงพ่อเทียน​ทำวัดสนามในเป็นวัดปฏิบัติการเจริญสติ​ แบบอยู่ง่ายกินง่ายๆ​ไม่เน้นพิธีกรรมมากเกินจากความจำเป็น​ โดยเฉพาะพิธีกรรมเดรัญฉานวิชาทั้งหลาย
 

คราวหนึ่งท่านไปสิงคโปร์​พระอาจารย์ในสายเซ็นญี่ปุ่นรูปหนึ่งเห็นท่านจึงได้สนทนาแล้วท่านหันไปบอกกับลูกศิษย์สายเซ็นว่า
 

"หลวงพ่อเทียนรูปนี้บรรลุแล้วซึ่งจิตเดิมแท้"
 

พระอาจารย์สายเซ็นจึงมอบจีวรแบบเซ็นให้ท่านครองหนึ่งผืน​

กายไหวใจสงบพบธรรม

หลวงพ่อเทียน​ ท่านมาหัดอ่านหนังสือไทย​เขียนไทยในคราวหลัง​  ครั้งหนึ่งทางการกล่าวหาว่าท่านเป็น​คอมมิวนิสต์มาบวช​  นี่ดูความเลวร้ายวิธีคิดของนักปกครองไทย​ยึดและยัดข้อกล่าวหาเอาง่ายๆถึงกับขนาดให้ตำรวจมาบวชเป็นพระแล้วมาดูพฤติกรรมท่าน​ สุดท้ายท่านไม่ได้มีพฤติกรรมใดๆที่ส่อไปในทางการเป็นคอมมิวนิสต์เลย​ตำรวจคนนั้นจึงลาสิกขาบท​แล้วเล่าความจริงให่ฟังพร้อมขอขมาหลวงพ่อ​ แต่ผมเชื่อว่าเจ้านายของนายตำรวจคนนั้นจิตใจต่ำกับพระก็ยังคิดอกุศลตายแล้วคงมีนรกเป็นที่พึ่ง​ เป็นตำรวจทหารนี่ต้องระวังนะตกนรกง่าย​ฆ่าคนตายก็ตกนรก​เพราะคุณไม่มีสิทธิไปตัดกรรมใครเขาทำชั่วก็แค่จับเขาขังแต่ไม่มีสิทธิทำลายชีวิตผู้อื่น​ หลวงพ่อเทียนมีลูกศิษย์ล้วนเป็นปัญญาชนทั้งสิ้น​ ประเภทหลงๆกับไสยศาสตร์ไม่มีมาเป็นลูกศิษย์ท่านเลย​
 

หลวงพ่อเทียนทิ้งร่างละสังขารที่กระท่อมหลังคามุงแฝกที่จังหวัดเลย 
 

ปัจจุบันหลวงพ่อทอง​ เป็นเจ้าอาวาสดูแลปกครองวัดสนามในเป็นเจ้าอาวาสรูปที่2ต่อไป​ ใครชอบการปฏิบัติภาวนา​ แบบเจริญสติสายตรงต้องไปที่นี่ที่เดียว​แล้วจะเข้าใจกับคำว่า​จิตเดิมแท้แห่งการบรรลุธรรม
 

กายไหวใจสงบพบธรรม

กายไหวใจสงบพบธรรม

กายไหวใจสงบพบธรรม